พิธีเปิดวิหารบูชาพลเอก หวอเงวียนย๊าป (Photo: TTXVN)

เมื่อค่ำวันที่ 6 พฤษภาคม ณ สุสานทหารพลีชีพเพื่อชาติเอ 1 เมืองเดียนเบียนฟู จังหวัดเดียนเบียน กองเยาวชนสาขาจังหวัดเดียนเบียนได้ไปจุดธูปเพื่อแสดงความสำนึกบุญคุณต่อทหารพลีชีพเพื่อชาติ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงเกียรติประวัติ “ดื่มน้ำต้องนึกถึงแหล่งที่มาของน้ำ”ของประชาชาติเวียดนาม โดยเฉพาะเยาวชนเดียนเบียนต่อบรรดาวีรชนและทหารพลีชีพเพื่อชาติที่ได้สละเลือดเนื้อเพื่อเอกราชและเสรีภาพของปิตุภูมิ  สร้างชัยชนะเดียนเบียนฟูที่ก้องกังวาลไปทั่วโลก

ในวันเดียวกัน ที่ตำบลยาฝู่ อำเภอฝู่เอียน จังหวัดเซินลา ได้มีการจัดพิธีเปิดโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานทางประวัติศาสตร์ป่าหมู่บ้านหญอดและวิหารบูชาพลเอก หวอเงวียนย๊าประยะที่ 1  ซึ่งเขตโบราณสถานแห่งนี้มีพื้นที่ 300เฮกตาร์ เป็นสถานที่ที่กองกำลังปลดปล่อยหยุดพักในการเดินทัพจากอำเภอเหงียนโหละ จังหวัดเอียนบ๊ายไปยังจังหวัดเดียนเบียนเพื่อสร้างชัยชนะเดียนเบียนฟู

ส่วนที่เมืองเดียนเดียน ได้มีการเปิดตัวภาพวาดสีน้ำมันพาโนรามาเกี่ยวกับยุทธนาการเดียนเบียนฟู ขนาด 132x 20.5 เมตร ซึ่งภาพวาดนี้ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เท่านั้นหากยังส่งสาสน์เกี่ยวกับความปรารถนาในสันติภาพ จิตใจแห่งความสามัคคี การต่อสู้ที่กล้าหาญของกองทัพและประชาชนเวียดนามและเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แห่งใหม่ของเมืองเดียนเบียน มีส่วนร่วมอนุรักษ์และให้การศึกษาเกียรติประวัติแก่คนรุ่นหลัง  นาย เหงวียนหิวเชิ้บและนาย ฝามดึ๊กกือ อดีตทหารผ่านศึกได้เผยว่า

“ผมรู้สึกว่า เหมือนกำลังกลับเข้าร่วมยุทธนาการเดียนเบียนฟูเมื่อกว่า 60 ปีก่อน เมื่อชมภาพนี้ ผมคิดถึงการต่อสู้ที่วีรกล้าหาญ คิดถึงเพื่อนสหายที่ได้สละชีพ”

“เมื่อกลับมาเยือนที่นี่  พวกเราได้มีโอกาสทบทวนชัยชนะเดียนเบียนฟูเมื่อ 67 ปีก่อน ซึ่งเรารู้สึกภาคภูมิใจและสำนึกในบุญของทหารพลีชีพเพื่อชาติที่ได้สละเลือดเนื้อเพื่อช่วงชิงเอกราชของชาติ”

ในโอกาสนี้ ดร. Evgeny Vlasov รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย Far Eastern Federal แห่งรัสเซียหรือ FEFU ได้ให้ข้อสังเกตว่า ชัยชนะเดียนเบียนฟูเป็นชัยชนะที่สำคัญที่สุดในสงครามอินโดจีนครั้งแรกโดยเวียดนามได้สร้างก้าวกระโดดด้วยชัยชนะครั้งนี้ จากชัยชนะนี้ โลกได้รู้จักกองทัพเวียดนามที่เก่งในด้านกลยุทธและรู้จักชื่อของพลเอก หวอเงวียนย๊าป ซึ่งเป็นวีรชนปลดปล่อยประชาชาติเวียดนาม ส่วนศ. Alexander Soleolovsky ได้ประเมินว่า ชัยชนะเดียนเบียนฟูยังมีความหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นการยืนยันให้ฝรั่งเศสและโลกทราบว่า ถ้าหากประชาชาติใดมีความปรารถนาอันแรงกล้าเกี่ยวกับเสรีภาพและมีความสามัคคี ประชาชาตินั้นก็จะสามารถปลดแอกจากนักล่าเมืองขึ้นได้ ชัยชนะเดียนเบียนฟูไม่มีขนาดใหญ่เท่าชัยชนะของสงครามรักชาติที่ยิ่งใหญ่ของชาวโซเวียต แต่ก็มีความหมายที่สำคัญเหมือนกันคือ ชัยชนะของกองทัพโซเวียตได้ปลดปล่อยบรรดาประเทศยุโรปจากระบอบฟาสซิสต์ ส่วนชัยชนะของกองทัพเวียดนามได้ยุติการใช้นโยบายอณานิคมในอินโดจีนของฝรั่งเศส ช่วยให้ลาว กัมพูชาและเวียดนามได้รับอธิปไตยและมีสิทธิ์สร้างสรรค์นโยบายแห่งเอกราชและประชาธิปไตยของประเทศตน.