การประชุมปารีสคือเหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมเลือน
(VOVWorld) –ในโอกาสนี้ ในเวียดนามได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ การชุมนุมอย่างยิ่งใหญ่ ที่จัดขึ้น ณ กรุงฮานอย ซึ่งมีผู้นำพรรคและรัฐ ผู้เข้าร่วมเหตุการณ์และบรรดาผู้แทนต่างประเทศที่ได้ให้การสนับสนุนเวียดนามในการเจรจาข้อตกลงปารีสจำนวนมากเข้าร่วม
(VOVWorld) – เมื่อ๔๐ปีก่อน วันที่๒๗มกราคม ข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการยุติสงครามและคืนสันติภาพกลับมาสู่ผืนดินเวียดนามได้รับการลงนามอันเป็นการยุติการต่อสู้ทางการทูตที่ยาวนานที่สุดและยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการทูตเวียดนามในศตวรรษที่๒๐ และเป็นนิมิตรหมายแห่งชัยชนะของประชาชาติภายหลังกว่า๑๙ปีที่ได้ต่อสู้อย่างทรหดกล้าหาญทั้งด้านการเมือง การทหาร การทูตเพื่อต่อต้านสหรัฐอเมริกาผู้รุกราน เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของประชาชนเวียดนามในสมรภูมิและในการเจรจา ทำให้สหรัฐต้องถอนทหารทั้งหมดออกจากเวียดนามและอินโดจีน สร้างเงื่อนไขล่วงหน้าให้แก่การปลดปล่อยภาคใต้เวียดนามอย่างสมบูรณ์ รวมประเทศเวียดนามเป็นเอกภาพ ในโอกาสนี้ ในเวียดนามได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ การชุมนุมอย่างยิ่งใหญ่ ที่จัดขึ้น ณ กรุงฮานอย ซึ่งมีผู้นำพรรคและรัฐ ผู้เข้าร่วมเหตุการณ์และบรรดาผู้แทนต่างประเทศที่ได้ให้การสนับสนุนเวียดนามในการเจรจาข้อตกลงปารีสจำนวนมากเข้าร่วม ส่วนเช้าวันที่๒๗ มกราคม ณ พิพิธภัณฑ์ร่องรอยสงครามนครโฮจิมินห์ สหพันธ์องค์การมิตรภาพเวียดนามได้จัดการสัมมนาโต๊ะกลมในหัวข้อ“พบปะกับบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์”โดยทบทวนความหมายทางประวัติศาสตร์ของข้อตกลงปารีสและความช่วยเหลือของมิตรประเทศในกระบวนการเจรราและลงนามข้อตกลงฉบับนี้ ท่านHà Văn Lâu อดีตที่ปรึกษา รองหัวหน้าคณะเจรจาสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามกล่าวว่า “ในกระบวนการต่อสู้และเจรจาที่พวกเราปฏิบัติมีปัจจัยสำคัญ๓ประการที่เอื้อให้แก่ชัยชนะของข้อตกลงปารีสนั่นคือ ต้องประสบชัยชนะในสมรภูมิ ถึงจะสามารถทำการเจรจาได้ และปัจจัยที่มีความสำคัญไม่น้อยคือการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากประชามติทั้งในและต่างประเทศ พวกเราได้รับการสนับสนุนเนื่องจากพวกเราต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม” ในวันเดียวกัน สถานีวิทยุเวียดนามได้จัดรายการพิเศษในหัวข้อ“จุดสุดยอดของชัยชนะทางการทูตของเวียดนาม”เป็นเวลา๖ชั่วโมงซึ่งได้รับการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุ ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจความหมายของการลงนามข้อตกลงปารีสซึ่งเป็นเครื่องหมายทองของกิจกรรมการทูตของเวียดนามโดยมีแขกรับเชิญซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ นักวิจัยประวัติศาสตร์ และนักการทูตเข้าร่วม
ก่อนหน้านี้ สหพันธ์องค์การมิตรภาพเวียดนามก็ได้จัดการพบปะสังสรรค์กับมิตรชาวต่างชาติซึ่งเป็นผู้ที่มีความผูกพันกับขบวนการต่อต้านสงครามและสนับสนุนเอกราช เสรีภาพของเวียดนาม นายเรนาดต ดาร์ซี จากประเทศอิตาลีได้เล่าถึงความทรงจำของตนว่า
ในสมัยนั้นมีหลายขบวนการต่อต้านสงครามในเวียดนามทั้งของนักศึกษา กรรมกรและองค์กรสังคมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์บริจาคโลหิตเพื่อประชาชนเวียดนามแต่ใช่ว่ากิจกรรมเหล่านี้จะมีขึ้นในทุกท้องถิ่นเพราะทางการปกครองไม่สนับสนุน มีแต่เขตที่มีพรรคคอมมิวนิสต์ประชาชนถึงจะได้ร่วมบริจาคโลหิตได้ดังนั้นเราต้องเดินทางไปบริจาคโลหิตที่ยูโกสลาเวียและให้เพื่อนมิตรชาวยูโกสลาเวียส่งให้ประชาชนเวียดนาม ในการพบปะนี้ ท่านเหงวียนทิบิ่ง นักการเมืองผู้มีชื่อเสียงซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาของแนวร่วมประชาชาติปลดปล่อยภาคใต้เวียดนามในการประชุมปารีส ได้แสดงความซาบซึ้งใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวต่างๆจากมิตรประเทศและฟังเพลงที่มีการเอ่ยชื่อของท่านที่เยาวชนสหรัฐเคยร้องในการเดินขบวนต่อต้านสงครามในเวียดนาม
ขบวนการสามัคคีของมิตรประเทศเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อสร้างเป็นชัยชนะของประชาชนเวียดนาม และในวันนี้ในนามประชาชนเวียดนามทั้งผองดิฉันก็อยากย้ำอีกครั้งว่า เราจะไม่มีวันลืมส่วนน้ำใจไมตรีและส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่นั้นพร้อมทั้งหวังว่าสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชนเวียดนามกับมิตรประเทศทั่วโลกจะพัฒนายั่งยืนตลอดกาล
ส่วนสำหรับมิตรชาวฝรั่งเศสและชาวเวียดนามที่อาศัยในฝรั่งเศสหลายคนที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในกรอบการเจรจา การประชุมปารีสคือเหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมเลือน โดยวันนี้เมื่อ40ปีก่อน ขณะที่พิธีลงนามข้อตกลงปารีสได้มีขึ้นในศูนย์การประชุมนานาชาติ Kleber ณ กรุงปารีส ในบริเวณรอบนอกศูนย์ประชุมชมรมชาวเวียดนามในฝรั่งเศสพร้อมด้วยชาวฝรั่งเศสและมิตรประเทศจำนวนมากได้ร่วมชุมนุมฉลองชัยชนะด้วยความชื่นมื่นและความปลื้มปิติยินดีอย่างเปี่ยมล้น ซึ่งเสี้ยวเวลานาทีนั้นยังคงสถิตในหัวใจของทุกคนที่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์และถือธงชาติโบกสบัดเหนือถนนKleberในวันนั้น
|
คุณTherese Nguyễn Văn Ký นายกสมาคมชาวเวียดนามในฝรั่งเศส
|
คุณTherese Nguyễn Văn Ký นายกสมาคมชาวเวียดนามในฝรั่งเศส เคยรับหน้าที่ดูแลด้านสาธารณสุขให้กับคณะผู้แทนเวียดนามที่เข้าร่วมการเจรจายังจำติดตาถึงความสุขเหลือที่จะกล่าวในวันที่27มกราคมปีนั้นไม่มีอะไรที่สามารถบรรยายความรู้สึกของดิฉันในวันนั้นได้ ตอนแรกๆก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นไปอย่างไร แต่เมื่อได้ข่าวจากเวียดนามว่าได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าก็เริ่มตื่นเต้นจนถึงวันที่ข้อตกลงปารีสได้รับการลงนามก็รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ส่วนคุณ Ngô Thu Lê ชาวเวียดนามในฝรั่งเศสซึ่งติดตามคณะเจรจาเวียดนาม2คณะก็ได้กล่าวถึงเหตุการณ์วันนั้นว่าความรู้สึกแรกคือภูมิใจเพราะก็เคยใช้ชีวิตในแผ่นดินที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ประจักษ์ถึงความยากไร้ของประชาชนที่ถูกกดขี่ขูดรีด เมื่อเห็นประเทศเวียดนามสามารถพัฒนาเข้มแข็งและได้รับเสรีภาพจากข้อตกลงปารีสนี้ขอขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่เวียดนามที่มีความมุ่งมั่นเจรจาต่อสู้เพื่อสร้างความรุ่งโรจน์ให้แก่ประเทศ สำหรับชาวเวียดนามโพ้นทะเลอีกคนที่ผูกพันธ์กับคณะเจรจาเวียดนาม ณ กรุงปารีสดังเช่นคุณ ดว่านหิวจูง เหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์นั้นได้เป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งบทกลอนเพื่อบรรยายความรู้สึกในใจซึ่งสื่อความหมายว่า ข่าวดีได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องทำให้ใจรู้สึกเบิกบาน ถึงแม้จะอยู่ไกลบ้านเกิดแต่ใจได้ร่วมฉลองความสุขแห่งชัยชนะร่วมกับประชาชาติ ธงแดงดาวเหลืองโบกสบัดในกรุงปารีสพร้อมเสียงโห่ร้องแห่งมหาชัย สวัสดีเวียดนามและสหายที่ร่วมสร้างชัยชนะและประเทศเวียดนามที่เอกราชจงเจริญ./.