การประชุมฟอรั่มภูมิภาคอาเซียนครั้งที่ 27
(VOVWORLD) - วันที่ 12 กันยายน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ามบิ่งมิงห์ ได้เป็นประธานฟอรั่มภูมิภาคอาเซียนหรือเออาร์เอฟครั้งที่ 27 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศของ 27 ประเทศ องค์การต่างๆและเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วม
การประชุมฟอรั่มภูมิภาคอาเซียนครั้งที่ 27 (https://baoquocte.vn/) |
ที่ประชุมได้เห็นพ้องกันว่า เออาร์เอฟต้องปฏิบัติมาตรการสร้างความไว้วางใจและปฏิบัติการทูตเชิงป้องกัน ผลักดันความร่วมมือในด้านที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เช่นการช่วยเหลือกู้ภัย การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ความมั่นคงทางทะเล ความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ต การต่อต้านการเผยแพร่และการปรับลดอาวุธนิวเคลียร์ เป็นต้น อีกทั้งผลักดันการประสานงานระหว่างเออาร์เอฟกับกลไกอื่นๆของอาเซียน เห็นพ้องกับข้อเสนอของเวียดนามที่ให้มีการออกแถลงการณ์เออาร์เอฟเกี่ยวกับการผลักดันความร่วมมือป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ
จากสถานการณ์ความผันผวนที่ซับซ้อน เหตุการณ์ที่รุนแรงและการกระทำที่ละเมิดกฎหมายสากลและอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลหรือ UNCLOS 1982 บรรดารัฐมนตรีได้ย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นของการใช้ความอดกลั้น ไม่มีปฏิบัติการที่ทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่มีปฏิบัติการทางทหาร แก้ไขการพิพาทอย่างสันติบนพื้นฐานกฎหมายสากล รวมทั้ง UNCLOS 1982 ที่ประชุมสนับสนุนการปฏิบัติดีโอซีอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ อาเซียนและจีนต้องเสร็จสิ้นการจัดทำซีโอซีโดยเร็วและสอดคล้องกับกฎหมายสากล โดยเฉพาะ UNCLOS 1982 และยืนยันอีกครั้งว่า UNCLOS 1982 คือกรอบทางนิตินัยที่ปรับปรุงทุกกิจกรรมในเขตทะเลและมหาสมุทร
ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ามบิ่งมิงห์ได้ย้ำว่า ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์มีการผันผวนอย่างซับซ้อน เออาร์เอฟต้องส่งเสริมบทบาทและส่วนร่วมของตนมากขึ้น โดยเฉพาะการธำรงการสนทนาและความร่วมมือ ผลักดันการสร้างสรรค์ความไว้วางใจ ความเข้าใจระหว่างกันและประสานงานนโยบาย ปฏิบัติการเพื่อเป็นฝ่ายรุกในการรับมือความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้น รวมทั้งโควิด-19 และโรคติดต่อต่างๆ สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก นาย ฝ่ามบิ่งมิงห์ ยืนยันว่า อาเซียนจะพยายามร่วมมือกับจีนปฏิบัติดีโอซีอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ เสร็จสิ้นการจัดทำซีโอซีโดยเร็วและสอดคล้องกับกฎหมายสากล โดยเฉพาะ UNCLOS 1982
บรรดารัฐมนตรีได้อนุมัติแผนปฏิบัติการฮานอย II ให้แก่เออาร์เอฟ เสนอเนื้อหาที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ แนวทางความร่วมมือให้แก่กิจกรรมของเออาร์เอฟในช่วงปี 2020-2025 ในการปิดการประชุม ที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ประธานเออาร์เอฟ 27.