การสัมมนาว่าด้วยทะเลตะวันออกที่ประเทศอาร์เจนตินา
(VOVworld) - เวียดนามมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และกฎหมายที่สมบูรณ์เพื่อยืนยันอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์และเจื่องซาหรือเสปรตลีย์
|
ภาพการสัมมนา (VNplus) |
(VOVworld) – ความตึงเครียดในทะเลตะวันออกเนื่องจากการที่จีนติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 อย่างผิดกฎหมายในเขตเศรษฐกิจและไหล่ทวีปของเวียดนามเมื่อเร็วๆนี้เป็นเนื้อหาของการสัมมนา ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการเอเชียสังกัดสภาวิเทศสัมพันธ์อาร์เจนตินาหรือ CARI โดยมีนักวิจัย นักวิชาการอาร์เจนตินาและอดีตเอกอัครราชทูตอาร์เจนตินาประจำประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วม ในการนี้ นายเหงียนดิ่งทาว เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอาร์เจนตินาได้ชี้ชัดว่า การกระทำดังกล่าวของจีนไม่เพียงแต่ละเมิดอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 หรือ UNCLOS เท่านั้น หากยังขัดกับแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีที่จีนและอาเซียนได้ลงนามเมื่อปี 2002 เวียดนามมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์และกฎหมายที่สมบูรณ์เพื่อยืนยันอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลล์และเจื่องซาหรือเสปรตลีย์ พร้อมทั้งระบุถึงแนวทางของเวียดนามที่จะแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกด้วยสันติวิธีและตามกฎหมายสากลเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคและโลก ส่วนนาง Maria Amelita C. Aquino เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำอาร์เจนตินาได้กล่าวตำหนิความทะเยอะทะยานของจีนที่ต้องการครอบครองทะเลตะวันออกทั้งหมดผ่านแถลงการณ์ที่ไร้เหตุผลเกี่ยวกับเส้นประ 9 เส้นและการละเมิดเขตทะเลของบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งระบุถึงการที่ฟิลิปปินส์ได้ยื่นฟ้องจีนต่อศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของสหประชาชาติด้วยข้อหาที่ละเมิดอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 และบุกยึดหมู่เกาะปะการังสการ์โบโรห์ซึ่งจีนเรียกว่าหวางแย้งและขัดขวางการใช้ประโยชน์ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของฟิลิปินส์ ในการสัมมนาครั้งนี้ นาย Julio A. Hang ผู้อำนวยการสถาบันความมั่นคงระหว่างประเทศและปัญหายุทธศาสตร์ของ CARI ได้ยืนยันว่า การที่จีนติดตั้งแท่นขุดเจาะลำพังเพียงฝ่ายเดียวในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนามถือเป็นกระทำที่รุนแรงและระบุถึงความทะเยอะทะยานของจีนในการครอบครองทะเลตะวันออกเกือบทั้งหมดว่าเป็นการก่อความตึงเครียดกับบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเวียดนามและฟิลิปปินส์./.