ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน เวียดนามยุติการปฏิบัติมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในท้องถิ่นทั่วประเทศ
(VOVWORLD) - ในการประชุมประจำของรัฐบาลเมื่อบ่ายวันที่ 22 เมษายน นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ตัดสินใจจะยุติการปฏิบัติการเว้นระยะห่างทางสังคม ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ต่อ28 จังหวัดและนครที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 ยกเว้นอำเภอบางแห่งของกรุงฮานอย จังหวัดห่ายางและจังหวัดบั๊กนิงห์
นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก (VGP) |
ตามนั้น กรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ จังหวัดบั๊กนิงห์และจังหวัดห่ายางซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 หลายคนและเพิ่งพบผู้ติดเชื้อรายที่ 262 และ 268 ได้ถูกระบุในกลุ่มจังหวัดที่มีความเสี่ยงและพ้นจากกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและไม่จำเป็นต้องปฏิบัติมติที่ 16 เกี่ยวกับการเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป แต่ทุกท้องถิ่นยังคงต้องระมัดระวังและปฏิบัติมาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดต่างๆอย่างแข็งขัน
นายกรัฐมนตรีชื่นชมท้องถิ่น กระทรวง หน่วยงานและประชาชนทั่วประเทศได้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่ผ่านมา อีกทั้งย้ำถึงความต้องการที่สำคัญคือไม่ปล่อยให้การแพร่ระบาดทำลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชน ดังนั้น ทางการและหน่วยงานทุกระดับต้องตั้งใจเพื่อป้องกันไม่ให้โควิด-19กลับมาแพร่ระบาดในเวียดนามและยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเวียดนาม
บนพื้นฐานความคิดเห็นและการวิเคราะห์ของบรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ยืนยันว่า“ฮานอยเป็นท้องถิ่นที่มีความเสี่ยง แต่มีสถานที่บางแห่งของกรุงฮานอยมีความเสี่ยงสูง เช่นอำเภอ เถื่องติ๊น อำเภอเมลิงห์ และสถานที่บางแห่งที่มีผู้ติดเชื้อน้อยกว่า 14 วันต้องปฏิบัติมติ 16 อย่างเคร่งครัด ส่วนสถานที่อื่นๆของฮานอยลดระดับเป็นเขตที่มีความเสี่ยง ซึ่งประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอยมีอำนาจในการการตัดสินใจกำหนดเขตที่ต้องปฏิบัติมติ 16 อย่างเคร่งครัดต่อไป”
นายกรัฐมนตรียังกำชับให้ท้องถิ่นต่างๆต้องระมัดระวัง ยอมรับสถานการณ์ “อยู่อาศัยในสภาวการณ์ที่มีการแพร่ระบาด” ต้องมีมาตรการแก้ไขบนพื้นฐานความสามารถด้านสาธารณสุขของประเทศและท้องถิ่น ควบคู่กันนั้น ต้องปฏิบัติงานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติมติ 16 เกี่ยวกับการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด แต่ต้องค้ำประกันการแลกเปลี่ยนการค้า แก้ไขปัญหางานทำและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม./.