นายกรัฐมนตรีกำชับให้ผลักดันการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในสภาวการณ์ใหม่
(VOVWORLD) -จากสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างซับซ้อนของโรคโควิด -19 นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงียนซวนฟุ๊กได้ประกาศมติผลักดันการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดในวงกว้าง ปกป้องสุขภาพและชีวิตของประชาชน
นายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวง หน่วยงานทุกระดับและทางการท้องถิ่นต้องเป็นฝ่ายรุกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด ค้นหาผู้ติดเชื้อโดยเร็วและแยกตัวผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบคนที่เดินทางเข้าเมืองในช่วง 14 วันที่ผ่านมาที่ยังไม่ได้ถูกแยกตัวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
ควบคู่กันนั้น ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการการตรวจสอบคนเข้าเมืองในจุดผ่านแดนทั้งทางบก ทางอากาศและทางน้ำ ระงับการยกเว้นวีซ่าสำหรับชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศและชาวต่างชาติที่สมรสกับชาวเวียดนามในประเทศเดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนีและสเปน ตลอดจนเตรียมความพร้อมให้แก่การแยกตัวผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก
ส่วนเมื่อบ่ายวันที่ 11 มีนาคม แนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามได้จัดการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ทั่วประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับการเพิ่มการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยมีผู้แทนกว่า 1,700 คนเข้าร่วม นายเจิ่นแทงเหมิน ประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามได้เรียกร้องให้ทั้งระบบแนวร่วมฯและองค์การสมาชิกทุกแห่งต้องร่วมมือกับรัฐบาลและทางการปกครองท้องถิ่นเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่กรุงฮานอย เมื่อค่ำวันที่ 11 มีนาคม ในการกล่าวปราศรัยในการประชุมของคณะกรรมการชี้นำการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ของกรุงฮานอย นาย เหงียนดึ๊กจุง ประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอยได้ชื่นชมการสนับสนุนและส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด พร้อมทั้งย้ำว่า หน้าที่สำคัญในขณะนี้คือต้องติดตามชาวต่างชาติและคนเวียดนามที่เดินทางเข้าประเทศหรือมาจากจังหวัดอื่นๆที่ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ครอบครัวที่มีผู้ที่กลับจากประเทศที่เกิดการแพร่ระบาด ต้องแจ้งให้ทางการท้องถิ่นทราบและกักตัวในบ้านด้วย
ส่วนเมื่อเช้าวันที่ 12 มีนาคม กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อโควิด – 19 รายที่ 39 ของเวียดนาม คือมัคคุเทศก์ชายอายุ 25 ปี อาศัยอยู่ในกรุงฮานอย เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ได้พานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมทั้งผู้ติดเชื้อรายที่ 24 ไปเที่ยวจังหวัดนิงบิ่งห์ และเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ผู้ติดเชื้อรายที่ 39 ได้เข้าโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนส่วนกลางสาขาที่ 2 โดยมีไข้เล็กน้อย ไม่มีอาการไอหรือหายใจลำบาก ซึ่งขณะนี้ ผู้ติดเชื้อรายนี้กำลังได้รับการรักษาในโรงพยาบาลและยังคงมีสุขภาพเป็นปกติ