ภาพการประชุม

ในการนี้ ประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกได้ย้ำว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมเนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถึงเวลาแล้วที่เศรษฐกิจต่างๆต้องมองข้ามความแตกต่าง และหันมาสามัคคีกันเพื่อฟันฝ่าวิกฤรเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามแบบชีวิตวิถีใหม่โดยเร็ว ฟื้นฟูเศรษฐกิจและมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและครอบคลุม บนเจตนารมณ์ “ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกได้เสนอ3ประเด็นเกี่ยวกับความร่วมมือในเอเปก

“เอเปกคือภูมิภาคที่มีศูนย์กลางการผลิตและจัดสรรค์วัคซีนชั้นนำของโลก ซึ่งควรผลักดันความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและยกระดับทักษะความสามารถในการวิจัยและผลิตวัคซีนในภูมิภาค อีกทั้งพิจารณาการจัดทำร่างข้อตกลงเกี่ยวกับการยกเลิกสิทธิบัตรวัคซีนป้องกันโควิด-19 สองคือจัดทำเอกสารแนะนำเกี่ยวกับการธำรงระบบห่วงโซ่อุปทานในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อค้ำประกันการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ สามคือปฏิบัติตามเจตนารมณ์ “ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”โดยเอเปกต้องผลักดันการปฏิบัติกิจกรรมร่วมมือและประสานนโยบายเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยง ยกระดับทักษะการพึ่งพาตนเองและการปรับตัวของสถานประกอบการ โดยเฉพาะสถานประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อมและขนาดจิ๋วเพื่อสร้างงานทำและรายได้ ทำการฝึกอบรมและยกระดับทักษะต่างๆให้แก่แรงงาน ลดช่องว่างในการพัฒนาระหว่างตัวเมืองและเขตชนบท”

ประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกได้กล่าวถึงความพยายามของเวียดนามในการปฏิบัติ 2 เป้าหมายพร้อมกันคือการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ควบคู่กับการธำรงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งชื่นชมประชาคมระหว่างประเทศที่ช่วยเหลือเวียดนามในภารกิจดังกล่าวและยืนยันถึงคำมั่นของเวียดนามในการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเศรษฐกิจสมาชิกเอเปกในการกระชับความร่วมมือบนเจตนารมณ์แห่งการประสานงาน ร่วมกันปฏิบัติและร่วมกันขยายตัว

ส่วนผู้นำเศรษฐกิจสมาชิกเอเปกได้ชื่นชมบทปราศรัยของประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกและจะระบุข้อเสนอของประธานประเทศเหงวียนซวนฟุกในแถลงการณ์ร่วมของการประชุม.