รัฐมนตรี เลมิงฮวาน ระบุว่า ต้องร่วมมือเปลี่ยนแปลงระบบธัญญาหารและอาหารเพื่อปรับตัวเข้ากับแนวโน้มของโลก
(VOVWORLD) - เวียดนามกำลังปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมการเกษตรตามแนวทางเพิ่มมูลค่าเพิ่มและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น การค้าเสรี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเกษตรอัจฉริยะและการควบคุมการใช้ประโยชน์จากอาหารอย่างคุ้มค่า
นาย เลมิงฮวาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเข้าร่วมการประชุม |
นี่คือคำยืนยันของนาย เลมิงฮวาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทในการประชุมระดับรัฐมนตรีในกรอบการประชุมครั้งที่ 4 ระบบธัญญาหารและอาหารระดับโลกเมื่อวันที่ 24 เมษายน ณ กรุงฮานอย
รัฐมนตรี เลมิงฮวาน แสดงความเห็นว่า ในเวลาที่ผ่านมา การค้ำประกันความมั่นคงด้านอาหารได้มีส่วนช่วยให้เวียดนามแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน อีกทั้ง การเกษตรถือเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการสนับสนุนขององค์การต่างๆของสหประชาชาติ ประชาคมระหว่างประเทศและนักอุปถัมภ์ กระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทกำลังเสนอให้นายกรัฐมนตรีจัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมธัญญาหารและอาหาร” จัดทำ “โครงการทุ่งนาที่มีคุณภาพสูงและปล่อยมลพิษต่ำ 1 ล้านเฮกตาร์” ปฏิบัติ“ข้อตกลงการลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกในภาคกลางตอนบน” และพิจารณาการปฏิบัติคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) สำหรับห่วงโซ่การผลิตข้าว กาแฟ แก้วมังกรและกุ้งเป็นการนำร่อง รัฐมนตรี เลมิงฮวาน ย้ำว่า
“การเกษตรของเวียดนามกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ นั่นคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความผันผวนของตลาดและแนวโน้มการบริโภค เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบธัญญาหารและอาหารให้ประสบความสำเร็จ ต้องได้รับการสนับสนุนจากนักอุปถัมภ์ หุ้นส่วนระหว่างประเทศ สำนักงานวิจัย สถานประกอบการ ภาคเอกชนและประชาชน เพื่อร่วมมือในการปรับตัวด้านธัญญาหารและอาหารให้เข้ากับแนวโน้มของโลกในปัจจุบัน.”