วงเงินช่วยเหลือการฟื้นฟูและการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมต้องได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ
(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 7 มกราคม ในกรอบการประชุมวิสามัญครั้งแรกสภาแห่งชาติสมัยที่ 15 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ สภาแห่งชาติได้ทำการหารือเกี่ยวกับร่างมติว่าด้วยนโยบายงบประมาณและนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนโครงการฟื้นฟูและการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม
ภาพของการประชุม |
ในการหารือในช่วงเช้า ผู้แทนกว่า 60 คนได้ลงทะเบียนกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับเนื้อหาของนโยบายที่สำคัญนี้ ซึ่งบรรดาผู้แทนได้เห็นด้วยกับแนวทางการประกาศใช้มติเกี่ยวกับนโยบายนี้ นาง หวูถิลิวมาย ผู้แทนสภาแห่งชาติกรุงฮานอยได้เผยว่า นโยบายงบประมาณและนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมเป็นการแสดงความปรารถนาของประชาชนและสถานประกอบการต่ออนาคตที่สดใส ดังนั้นต้องมีความชัดเจนและกำหนดความรับผิดชอบ ค้ำประกันแหล่งพลังและประสิทธิภาพ
“ พวกเรายอมรับการขาดดุลงบประมาณและกู้เงินเพื่อผลงานที่ใหญ่กว่าในอนาคต สำหรับวงเงิน มูลค่า 346 ล้านล้านด่ง พวกเราต้องกำหนดว่า จะบรรลุผลงานอะไร ต้องกำหนดหลักการและมาตรฐานในการปฏิบัติวงเงินช่วยเหลือดังกล่าว มีผู้แทนบางคนเห็นว่า โครงการดังกล่าวต้องได้รับการปฏิบัติในทุกด้าน แต่ดิฉันคิดว่า ต้องเน้นถึงแขนงอาชีพที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดและแขนงอาชีพที่สำคัญที่มีส่วนร่วมต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ”
ส่วนนาย มายวันหาย ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดแทงฮว้าได้เผยว่า วงเงินช่วยเหลือดังกล่าวต้องเน้นนำไปช่วยเหลือด้านที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เช่น การท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมและการขนส่ง เป็นต้น
เพื่อผลักดันการฟื้นฟู ผู้แทนหลายคนย้ำถึงการปรับปรุงระเบียบราชการและกลไกเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการในการเข้าถึงวงเงินช่วยเหลือและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สำหรับกลุ่มนโยบายด้านสวัสดิการสังคม ผู้แทนบางคนเห็นว่า ต้องให้ความสนใจมากขึ้นต่อนโยบายช่วยเหลือแรงงาน เพิ่มวงเงินช่วยเหลือค่าเช่าที่พักให้แก่แรงงาน รวมทั้งการก่อสร้างที่พักให้แก่กรรมกร
โครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม มูลค่า 346 ล้านล้านด่งจะได้รับการปฏิบัติในช่วงปี 2022 -2023 โครงการดังกล่าวมีความหมายพิเศษเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แก้ไขผลเสียหาย ฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูตลาดแรงงาน แก้ไขปัญหาสวัสดิการสังคม คาดว่า บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติจะลงคะแนนอนุมัติร่างมติดังกล่าวในวันที่ 11 มกราคม.