หนึ่งในประเด็นที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาหารือคือร่างกฎหมายสถานประกอบการฉบับแก้ไข  บรรดาผู้แทนเห็นว่า การปรับปรุงร่างกฎหมายสถานประกอบการจะนำผลประโยชน์มาให้แก่สถานประกอบการ โดยเฉพาะ สถานประกอบการขนาดย่อมและธุรกิจครัวเรือน นาย หวูเตี๊ยนหลก ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดท้ายบิ่งได้เผยว่า กฎหมายสถานประกอบการและกฎหมายการลงทุนต้องสร้างกรอบทางนิตินัยเพื่อส่งเสริมการประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพนวัตกรรมหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  1 ในปัญหาที่สำคัญคือ ต้องระบุให้ธุรกิจครัวเรือนเป็นหนึ่งในรูปแบบของสถานประกอบการเพื่อยกเลิกกำแพงกีดกันและให้การสนับสนุนการประกอบธุรกิจ    ส่งเสริมความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ เข้าร่วมตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

“ปัจจุบัน ธุรกิจครัวเรือนคิดเป็นร้อยละ 30 ของอัตราจีดีพีของประเทศและกำลังเป็นภาคเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการ ดังนั้น การระบุธุรกิจครัวเรือนเข้าในร่างกฎหมายสถานประกอบการถือเป็นก้าวกระโดด ซึ่งร่างกฎหมายสถานประกอบการไม่เพียงแต่เป็นกฎหมายของสถานประกอบการ 8 แสนแห่งเท่านั้นหากยังเป็นกฎหมายของธุรกิจครัวเรือนนับล้านแห่งอีกด้วย”

ส่วนนาย โด๋วันซิง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดกว๋างจิได้เผยว่า การปรับปรุงกฎหมายสถานประกอบการครั้งนี้จะเป็นการปฏิรูปใหม่เกี่ยวกับการลดขั้นตอนการทำระเบียบราชการที่ไม่จำเป็น ลดเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่สถานประกอบการ ส่งเสริมความโปร่งใสในการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถานประกอบการ

ในเช้าวันเดียวกัน บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติได้รับฟังรายงานตรวจสอบร่างกฎหมายทหารชายแดนเวียดนาม ซึ่งการประกาศใช้กฎหมายทหารชายแดนเวียดนามเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะในหลายปีที่ผ่านมา พรรคและรัฐมีแนวทางและจุดยืนใหม่เกี่ยวกับการปกป้องเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนและความมั่นคงแห่งชาติ

ส่วนในช่วงบ่าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมเวียดนามได้อ่านรายงานเกี่ยวกับร่างกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานเวียดนามที่ทำงานในต่างประเทศตามสัญญาฉบับแก้ไข เป้าหมายของการปรับปรุงร่างกฎหมายนี้ก็เพื่อแก้ไขช่องโหว่ของกฎหมายฉบับนี้หลังจากบังคับใช้มา 13 ปี   โดยเน้นถึงปัญหาใหม่ของแรงงานในสภาวการณ์ของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และการบริหารปัญหาการอพยพและการไปทำงานในต่างประเทศของแรงงาน ที่ประชุมยังหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับแก้ไขและเพิ่มเติมกฎหมายการตรวจสอบด้านตุลาการ.