ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่มีหน้าที่การรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศต้องส่งเสริมให้ประชาคมโลกมีปฏิบัติการที่เข้มแข็งเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มีวิธีการเข้าถึงในทุกด้านและสมดุลย์ในการแก้ไขความท้าทายด้านความมั่นคงทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ในโลก แก้ไขต้นเหตุของการปะทะ เช่น ความยากจน ความไม่เสมอภาคทางเพศ การใช้อำนาจการเมืองแบบประเทศใหญ่และการแทรกแซง  เป็นต้น ปฏิบัติกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเคร่งครัดและกฎหมายสากลต้องเป็นมาตรฐานของประเทศต่างๆในการปฏิบัติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

“คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและประชาคมโลกต้องระดมแหล่งพลังต่างๆเพื่อช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนา ประเทศด้อยพัฒนา ประเทศหมู่เกาะและประเทศที่ไม่มีทะเลที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ  ผมหวังว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะเพิ่มทักษะความสามารถในการเตือนภัย เป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ป้องกันและแก้ไขการปะทะในภูมิภาคผ่านความร่วมมือกับองค์การต่างๆในภูมิภาค  เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศและความมั่นคง ต้องค้ำประกันการเคารพอธิปไตย สิทธิ์การเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบของประเทศ ถือผลประโยชน์ของชุมชนและประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเป็นศูนย์กลางในยุทธศาสตร์และแผนการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในระดับประเทศและโลก”

การเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาท ส่วนร่วมและความรับผิดชอบของเวียดนามต่อความพยายามของประชาคมโลกในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความท้าทายในโลก.