คุณ เจิ่นถิเกี่ยวจิง กับบรรดานักศึกษาต่างประเทศในอินโดนีเซีย

ในการเข้าร่วมการประกวดสุนทรพจน์และร้องเพลงภาษาอินโดนีเซีย เจิ่นถิเกี่ยวจิง อดีตนักศึกษาภาควิชาอินโดนีเซียศึกษา และ เจิ่นมิงเหี๊ยว นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ภาควิชาอินโดนีเซียศึกษา ของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาตินครโฮจิมินห์ ได้ทำการแสดงที่สร้างความประทับใจให้แก่คณะกรรมการและผู้ชมเป็นอย่างมากผ่านการเล่าเรื่องและเสียงร้องเพลงที่ไพเราะและมีเสน่ห์

“ในการประกวดครั้งนี้ พวกเราอยากมีส่วนร่วมในการเผยแพร่ความรักวัฒนธรรมอินโดนีเซียต่อชุมชน โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรามีความเชื่อมั่นว่า การประกวดนี้จะสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการขยายความร่วมมือและพัฒนากลุ่มนักศึกษาภาควิชาอินโดนีเซียศึกษาในอนาคต”

“การประกวดร้องเพลงภาษาอินโดนีเซียครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่น่าจดจำและมีความหมายเป็นอย่างมากสำหรับฉัน ซึ่งดนตรีถือเป็นภาษาที่มีความพิเศษ แม้จะมีอุปสรรคในการเข้าใจความหมาย แต่ถ้าผู้ร้องรู้วิธีการสื่อสารเนื้อหาพร้อมทำนองเพลงที่ติดหู ก็สามารถทำให้คนฟังชื่นชอบได้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากรู้จักประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงภาควิชาอินโดนีเซียศึกษาของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์”

หลังจากเรียนจบหลักสูตรระยะเวลา 1 ปีที่ประเทศอินโดนีเซียและเดินทางกลับเวียดนาม เกี่ยวจิง และ มิงเหี๊ยว ได้ทราบข่าวการประกวดดังกล่าวจึงตัดสินใจเข้าร่วม

คุณ เจิ่นถิเกี่ยวจิง แสดงในการประกวด

 

ในรอบคัดเลือกรอบแรกกับหัวข้อ “คุณจะทำอะไรเมื่อได้เป็นทูตโปรโมทภาพลักษณ์ประเทศอินโดนีเซียในเวียดนาม” เกี่ยวจิง ได้นำเสนอจากประสบการณ์ในช่วงที่อาศัยในอินโดนีเซียเกี่ยวกับ มิตรภาพ การเดินทางไปมาระหว่างสองประเทศและอาหารอินโดนีเซียอย่างมีชีวิตชีวาและน่าประทับใจ  ส่วนในบทพูดหลัก เกี่ยวจิง ได้เน้นนำเสนอแนวคิดและมุมมองของตนเองถ้าหากได้เป็น "ทูตโปรโมทภาพลักษณ์ประเทศอินโดนีเซียในเวียดนาม ส่วน มิงเหี๊ยว ได้มีโอกาสสัมผัสกับดนตรีอินโดนีเซียร่วมกับเพื่อนๆ และอาจารย์ ซึ่งเพลง “Indonesia Jaya” ในรอบคัดเลือกกับอีกสองเพลงคือ “Laskar Pelangi” และ “Dunia tipu-tipu” ในรอบชิงชนะเลิศ ล้วนเป็นเพลงที่เธอชื่นชอบและทุ่มเทเวลาเป็นอย่างมากในการฝึกร้อง โดยเพลง “Indonesia Jaya” เป็นหนึ่งในเพลงที่ช่วยให้ มิงเหี๊ยว คว้ารางวัลอันดับที่ 2 ในการประกวดร้องเพลงภาษาอินโดนีเซียสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติในจังหวัดชวาตะวันออก ซึ่งเธอเองหวังที่จะเผยแพร่ความสวยงามของภาษาอินโดนีเซียให้แก่ผู้ฟังชาวเวียดนาม 

“เพลงทุกเพลงล้วนมีความหมายอย่างมากทั้งเนื้อร้องและเรื่องราวเบื้องหลัง ดังนั้น ฉันจึงอยากนำเสนอเพลงต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้ทุกคนได้รู้จัก พร้อมซึมซับถึงความงามของภาษาอินโดนีเซีย เพื่อให้สามารถต่อยอดในการค้นหาเนื้อเพลงและแปลความหมายได้”

คุณ มิงเหี๊ยว คว้ารางวัลอันดับที่ 2 ในการประกวดร้องเพลงภาษาอินโดนีเซียสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติในจังหวัดชวาตะวันออก

ก่อนเข้าร่วมการประกวด เกี่ยวจิง เป็นนักศึกษาดีเด่นในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของภาควิชาและมหาวิทยาลัย อย่างแข็งขัน โดยสาวตัวเล็กและน่ารักผู้นี้เคยได้รับรางวัลจากการประกวดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภาษาอินโดนีเซีย เช่น รางวัลที่สองของการประกวดสุนทรพจน์ภาษาอินโดนีเซียเนื่องในโอกาสฉลองเทศกาล Hari Kartini Indonesia ที่จัดโดยสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ นครโฮจิมินห์ เมื่อปี 2022 รางวัลชนะเลิศการประกวด "สีสันแห่งวัฒนธรรมอินโดนีเซีย" ที่จัดขึ้นโดยสมาคมมิตรภาพเวียดนาม ณ นครโฮจิมินห์ และคณะตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์นครโฮจิมินห์ เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2022 รางวัลที่ 1 ในการประกวดราตรีแห่งตะวันออกและรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวด Miss Oriental ของมหาวิทยาลัยฯ ในขณะที่ มิงเหี๊ยว ก็ถือว่ามีความสามารถไม่แพ้กัน โดยสามารถคว้ารางวัลต่าง ๆ ได้หลายรางวัล เช่น รางวัลที่ 1 ประเภท Dance และประเภท Dancing-Singing ในการประกวด Oriental Night ประจำปี 2022 ท็อป 20 การประกวด Miss Oriental 2022 รางวัลที่ 2 การประกวดร้องเพลงภาษาอินโดนีเซียสำหรับนักศึกษาต่างชาติในจังหวัดชวาตะวันออก เมื่อเดือนมีนาคม 2024 นอกจากนี้ ทั้งสองคนยังเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนร่วมสานสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย เกี่ยวจิง และ มิงเหี๊ยว ได้เล่าถึงเป้าหมายชีวิตในอนาคตของตนเอง ว่า

“ฉันได้วางแผนที่จะศึกษาระดับปริญญาโทในโครงการทุนการศึกษา KNB ของอินโดนีเซีย วิชาเอกการสอนภาษาอินโดนีเซียสำหรับชาวต่างชาติ หรือ BIPA-S2 ที่มหาวิทยาลัย UM หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาอินโดนีเซียศึกษา เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ภาษาอินโดนีเซียให้เป็นที่รู้จักของชาวเวียดนามมากขึ้น รวมถึงทั้งการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”

“ปัจจุบัน ฉันจะยังคงทำงานในฐานะเป็นล่ามและนักแปลภาษาอินโดนีเซียต่อไป ซึ่งอาชีพนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ฉันได้ใช้ความสามารถด้านภาษาได้อย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศอีกด้วย ฉันจะพยายามทำกิจกรรมต่างๆ บนโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจในการเผยแพร่วัฒนธรรม อาหาร และการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ อย่างเช่นการเข้าร่วมประกวดในครั้งนี้” 

การเสร็จสิ้นการประกวดในครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้กลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง เกี่ยวจิง และ มิงเหี๊ยว ได้สานต่อภารกิจการเผยแพร่วัฒนธรรมและภาพลักษณ์ของผู้คนชาวอินโดนีเซียให้เข้าใกล้ชาวเวียดนามมากขึ้น.