(VOVWORLD) -ในตลอด 16 ปีที่ผ่านมา สถานีอนามัย โถ่งแป่ ในอำเภอคำเกิด แขวงบอลิคำไซ ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่มีความหมายและเป็นรูปธรรม โดยที่นี่เป็นสถานที่ที่ประชาชนชาวลาวในพื้นที่ให้ความไว้วางใจและถือเป็นสถานที่ที่ส่งเสริมสัมพันธไมตรีในพื้นที่เขตชายแดนระหว่างลาวกับเวียดนาม ซึ่งผลงานนี้เกิดจากส่วนร่วมของบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมถึงนายแพทย์ เหงวียนเหวียดดึ๊ก ที่ทำงานในสถานีอนามัยแห่งนี้มานานกว่า 10 ปี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นสะพานเชื่อมแห่งความรักใคร่ที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์มิตรภาพเวียดนาม-ลาว
คุณหมอ ดึ๊ก ได้เดินทางไปเยือนทุกหมู่บ้าน ให้กำลังใจ ตรวจรักษาสุขภาพฟรี และประชาสัมพันธ์วิธีการควบคุมและป้องกันโรค |
“ฉันมีความรู้สึกที่ดีกับคุณหมอ ดึ๊ก มาก ฉันเป็นโรคกระเพาะอาหารและความดันสูง โดยคุณหมอ ดึ๊ก ได้ช่วยรักษาจนหายดี ทุกครั้งที่เจ็บไข้ได้ป่วย ฉันก็จะมาตรวจและรักษากับคุณหมอ ดึ๊ก ที่นี่”
“ชาวบ้านในพื้นที่ต่างชื่นชมและให้ความเคารพรักคุณหมอ ดึ๊ก เมื่อคุณหมอครบวาระการทำงานและต้องเดินทางกลับเวียดนาม แต่พวกเราทุกคนไม่อยากให้คุณหมอกลับประเทศ ฉันได้พาคุณหมอไปหาชาวบ้านและถามทุกคนว่า จะให้คุณหมอ ดึ๊ก กลับเวียดนามไหม ทั้งหมู่บ้านต่างออกเสียงเดียวกันว่า ไม่ให้กลับ อยากให้คุณหมออยู่ที่ลาว ซึ่งในที่สุด คุณหมอ ดึ๊ก ก็ใช้ชีวิตและทำงานอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้”
เมื่อคุณหมอ ดึ๊ก กล่าวทักทายพวกเรา เราก็รู้สึกถึงความรักที่อบอุ่นทั้งจากน้ำเสียงและแววตาคุณหมอเป็นคนจังหวัดห่าติ๋งห์ ที่มีความชื่นชอบในอาชีพทหาร ท่านจึงได้มุ่งมั่นตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันชายแดน หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเวชศาสตร์ทั่วไป และทำงานที่กองบัญชาการทหารชายแดนจังหวัดห่าติ๋ง ต่อมาในปี 2013 นายแพทย์ ดึ๊ก ได้ถูกส่งตัวไปประจำที่สถานีอนามัย โถ่งแป่ โดยนายแพทย์ ดึ๊ก ยังคงจำได้ดีถึงอุปสรรคและความยากลำบากเมื่อครั้งที่มาประจำที่สถานีอนามัยแห่งนี้
“ระยะทางจากด่านชายแดน เกิ่วแจว ถึงสถานพยาบาล ก็ประมาณกว่า 14 กิโลเมตร ตลอดสองข้างทางไม่มีบ้านคน คือดูรกร้างมาก และล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าไม้ ก็ทำให้รู้สึกเหงาๆ เศร้าๆ ด้วย แต่ด้วยหน้าที่การงาน ผมจึงต้องค่อยๆ ฝ่าฟันสิ่งเหล่านี้ไปได้ ในช่วงนั้น แถว ๆ นี้ไม่มีร้านรวงอะไรเลย แต่ปัจจุบัน ก็ร้านต่าง ๆ มาเปิดมากขึ้น นอกจากนี้ พวกเราไม่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยกับภาษา รวมถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม ซึ่งช่วงแรกๆ ผมต้องขอความช่วยเหลือจากคนลาวที่พูดภาษาเวียดนามได้ ทุกครั้งที่ทำงาน ผมต้องโทรไปหาเขาเพื่อช่วยให้แปล และเรียนภาษาจากเขา”
จากการโทรหาเพื่อ “ขอความช่วยเหลือ” และการพูดคุยกับชาวบ้านในหมู่บ้าน โถ่งแป่ นายแพทย์ ดึ๊ก ค่อยๆ ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ในช่วงแรก แต่ความยากลำบากยังคงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ในพื้นที่ มีทั้งหมด 9 หมู่บ้าน แต่มีสถานีอนามัยของหมู่บ้านเพียงแห่งเดียวและสถานีอนามัยของแพทย์ทหารอีกหนึ่งแห่งเท่านั้น ซึ่งต้องดูแลผู้ป่วยเกินกำลังอยู่ตลอด ยิ่งไปกว่านั้นประชากร 2 ใน 3 ก็เป็นชนกลุ่มน้อย และคุ้นเคยกับวิธีการรักษาอาการป่วยแบบเดิม ๆ ซึ่งไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ โดยไม่ยอมไปที่สถานพยาบาล ในขณะที่มีชาวบ้านหลายคนไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล ฉะนั้น นายแพทย์ เหงวียนเหวียดดึ๊ก และผู้ช่วยแพทย์ ตว่าน จึงได้เดินทางไปตรวจและรักษาถึงที่ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้แก่ชาวบ้าน
“การปรับเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมการรักษาแบบนี้ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ซึ่งพวกเราก็ต้องเรียนรู้เพื่อปรับตัวเข้าหาพวกเขา และค่อยๆ เปลี่ยนแนวความคิดเดิมๆ โดยไปตรวจและรักษาถึงที่และอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ”
ความทุ่มเท่ ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความสามารถของนายแพทย์ เหงวียนเหวียดดึ๊ก ได้สร้างความไว้วางใจในหมู่ชาวบ้าน |
ความทุ่มเท่ ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความสามารถของนายแพทย์ เหงวียนเหวียดดึ๊ก ได้สร้างความไว้วางใจในหมู่ชาวบ้าน นาย Siphong และนาง Somxi อาศัยในตำบลนาแป่ เป็น 2 ในผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตหลายคนที่นายแพทย์ ดึ๊ก ได้ช่วยรักษาจนหายดี บอกว่า
“คุณหมอเป็นคนที่เก่งและมีความสามารถมาก เป็นคนที่ชาวบ้านเคารพรักอย่างสูง เป็นที่พึ่งของชาวบ้านในตำบลนาแป่ เมื่อปีที่แล้ว ผมเป็นโรคอัมพฤกษ์ครึ่งตัว ถึงขึ้นต้องมีคนช่วยพาเข้าห้องน้ำ แต่คุณหมอ ดึ๊ก รักษาให้ผมหายภายในเวลาเพียงแค่เดือนสองเดือน นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านหลายคนที่อยู่ไกล เช่น นครหลวงเวียงจันทน์ หรือ อำเภอท่าแขก ที่เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เมื่อมาที่นี่ก็ได้รับการรักษาจนหายดี”
“คุณหมอใส่ใจเรื่องการดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ เมื่อถึงยามเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคุณหมอ ได้ให้น้ำเกลือ ให้ยารักษา และอำนวยความสะดวกทุกๆ อย่าง”
นาย Siphong Xayxuthi เล่าให้ฟังว่า ในตำบล นาแป่ มีทั้งหมด 9 หมู่บ้าน คุณหมอ ดึ๊ก ได้เดินทางไปเยือนทุกหมู่บ้าน ให้กำลังใจ ตรวจรักษาสุขภาพฟรี และประชาสัมพันธ์วิธีการควบคุมและป้องกันโรค รวมถึงการแนะนำวิธีการเพาะปลูกพืชและพัฒนาฐานะความเป็นอยู่ พวกเราสนิทกันมาก ส่วนนายแพทย์ ดึ๊ก กล่าวด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนว่า
“ทหารชายแดนมีคำขวัญ 4 คำ คือ กินด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน และพูดภาษาท้องถิ่นด้วยกัน นอกจากการตรวจรักษาแล้ว พวกเราก็ไปเยี่ยมผู้ใหญ่และเด็กๆ พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนต่างๆ กับชาวบ้านในพื้นที่ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของชาวม้ง บุญปีใหม่ หรือตรุษเต๊ดเวียดนาม พวกเราก็พยายามจัดงานฉลองที่สถานีอนามัยฯ และดื่มเหล้าอุร่วมกันอย่างสนุกสนาน ปัจจุบัน ผมเป็นเหมือนบุตรหลานคนหนึ่งของหมู่บ้าน”
ไม่เพียงแค่ปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจรักษาสุขภาพให้แก่ประชาชนชาวลาวในเขตชายแดนเป็นอย่างดีเท่านั้น นายแพทย์ ดึ๊ก ยังได้เข้าร่วมกิจกรรมลาดตระเวนร่วมตามแนวชายแดนเวียดนาม-ลาว โดยมีหน้าที่ทั้งดูแลสุขภาพของกลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารและเป็นล่ามแปลภาษา ภาพคุณหมอ ดึ๊ก สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ถือเป็นภาพที่คุ้นตา พร้อมทั้งเรียกท่านว่า “คุณพ่อดึ๊ก” การรักษาความมั่นคงในพื้นที่เขตชายแดนและการดูแลสุขภาพของประชาชนที่ปฏิบัติเป็นอย่างดี รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของหมู่บ้าน ก็มีส่วนร่วมไม่น้อยของ “คุณพ่อดึ๊ก” ซึ่งล้วนแต่มาจากความรักใคร่และความทุ่มเท่ใส่ใจของนายแพทย์ทหารชาวเวียดนาม เหงวียนเหวียดดึ๊ก นั้นถือเป็นเหตุผลที่ประชาชนชาวลาวอยากให้คุณหมออยู่ต่อและถือคุณหมอเป็นคนชาติหมู่บ้านเดียวกัน ส่วนสำหรับคุณหมอ ดึ๊ก การตรวจรักษาสุขภาพให้แก่ชาวบ้านในเขตชายแดนของลาวควบคู่กับการกระชับความสามัคคีเวียดนาม-ลาวนั้น ไม่เพียงแค่เป็นหน้าที่ทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังถือเป็นภารภิจอันสูงส่งที่จะต้องปฏิบัติต่อไป.