(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 23 กันยายน สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ได้จัดการฉายภาพยนตร์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส 2” นี่เป็นกิจกรรมที่มีความหมายเพื่อเชื่อมโยงการพบปะสังสรรค์ระหว่างชุมชนชาวไทยในกรุงฮานอยกับผู้ชมชาวเวียดนามหลังจากหยุดชะงักงันเป็นเวลากว่า 2 ปีเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 งานนี้ยังเป็นโอกาสเพื่อส่งเสริมภาพยนตร์ไทยและนำวัฒนธรรมไทยใกล้ชิดกับชาวเวียดนามมากขึ้น ซึ่งการฉายภาพยนตร์ในครั้งนี้ได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างดีให้แก่ทั้งชาวเวียดนามและชาวไทย
พิธีฉายภาพยนตร์ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งชาวไทยและชาวเวียดนาม |
“ดิฉันเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำการประชาสัมพันธ์ได้ดีมาก เพราะดิฉันทราบว่า หลังจากเวอร์ชั่นที่ฉายทางทีวีแล้ว คนไทยหลาย ๆ คนก็ชอบใส่ชุดไทยโบราณและใช้สิ่งของโบราณ แม้แต่ในศูนย์การค้า ก็เห็นคนหนุ่มสาวแต่งชุดไทยโบราณ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาที่เป็นเอกลักษณ์ มีอารมณ์ขันผสานกับเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจึงดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างมาก"
“ในการเข้าร่วมงานนี้ ดิฉันรู้สึกดีใจ เพราะเห็นคนเวียดนามหลายคนแต่งชุดไทย รู้สึกตื่นเต้นมาก” (ภาษาไทย)
“บุพเพสันนิวาส 2” เป็นภาพยนตร์ไทยแนวย้อนยุค–โรแมนติกคอมเมดี้ของผู้กำกับ อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม ที่ร่วมทุนสร้างระหว่างค่ายจีดีเอชและบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ได้แรงบันดาลใจจากนวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาสของรอมแพง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคแยกของบุพเพสันนิวาสฉบับละครโทรทัศน์ และปูเนื้อเรื่องสู่ละคร พรหมลิขิต ซึ่งเป็นภาคต่อของบุพเพสันนิวาสที่กำลังเตรียมฉายทางโทรทัศน์ โดยคู่พระนางก็ยังคงนำโดย ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และ ราณี แคมเปน ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาว 166 นาที เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ อย่างมากเนื่องจากยังคงความโรแมนติก-คอมเมดี้มีความพิถีพิถันทั้งงานภาพและเสียง ในการกล่าวปราศรัยในพิธีฉายภาพยนตร์ นาง มรกต เจนมธุกร อัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยได้เผยว่า
“ก็คือทั้งชุมชนไทยและชุมชนชาวเวียดนามด้วย จริงๆก็คือสิ่งที่จะดีที่สุดคือประชาชนของแต่ละประเทศมีความรู้สึกเป็นมิตรกัน เป็นเพื่อนกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ความร่วมมือต่างๆเกิดได้ง่ายขึ้น และพื้นฐานของความสัมพันธ์และความเจริญงอกงามต่างๆต้องอาศัยมิตรภาพเป็นพื้นฐาน อันนี้เป็นสิ่งที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอยอยากจะเห็นถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศค่ะ”
นาง มรกต เจนมธุกร อัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย กล่าวปราศรัยในพิธีเปิดงาน |
ในกรอบการฉายภาพยนตร์ สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ยังได้จัดกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจ เช่น การประกวดสวมชุดไทยที่ยมีหนุ่มสาวเวียดนามเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเด็กไทย นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้เพลิดเพลินกับอาหารไทยด้วย นี่เป็นวิธีการที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความหมายเพื่อแนะนำ ประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมและภาพยนตร์ไทยสู่ประชาชนเวียดนาม กลุ่มนักศึกษาเวียดนามที่กำลังเรียนวิชาตะวันออกศึกษาของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ที่เข้าร่วมงานกล่าวว่า
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่ดิฉันเริ่มเรียนภาษาไทย ดิฉันได้ดูละครเรื่องนี้แล้ว ละครเรื่องนี้ฉายผ่านทางช่องทีวีทูเดย์ หลายคนแม้แต่คนที่ไม่สนใจประเทศไทยก็เห็นว่า ละครเรื่องนี้น่าดูมากเพราะให้ความรู้มากมายเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และชีวิตประจำวันของคนไทยในสมัยอยุธยา ดิฉันดูละครเรื่องนี้ซ้ำหลายรอบแล้ว”
“ภาพยนตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส 2 ไม่ได้แค่กำลังดังในเมืองไทยเท่านั้น หากยังเป็นภาพยนตร์ที่ดังมากในเวียดนามด้วยไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นทีวีหรือเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ก่อนหน้านั้น ดิฉันได้ดูเวอร์ชั่นทีวีก่อนเรียนวิชาภาษาไทย ดิฉันชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่กล่าวถึงความรักระหว่างชายและหญิงเท่านั้น หากยังแนะนำประวัติศาสตร์ของไทยอีกด้วย เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในภาพยนตร์ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เนื้อหาในภาพยนตร์ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งช่วยให้คนไทยและเยาวชนไทยเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากขึ้น”
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องชาติภพต่อมาของพ่อหมื่นและแม่หญิงการะเกดที่มีฉากหลังในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นในฐานะ ขุนสมบัติบดี (ภพ) นายช่างใหญ่ประจำกรมพระคลัง กับ เกสร ลูกสาวขุนนางใหญ่ในกรมพระตำรวจ ที่ได้มาพบกันด้วยการชักนำของความฝัน และการปรากฏตัวของชายแปลกหน้าปริศนาท่าทางผิดยุคอย่าง เมธัส ก่อนทั้งหมดจะต้องร่วมมือกันช่วยเหลือและกอบกู้ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไม่ถือว่าเป็นภาคต่อของ บุพเพสันนิวาส ฉบับละครและ พรหมลิขิต แต่เป็นภาพยนตร์ภาคแยกที่มีเรื่องราวเส้นเวลาที่คาบเกี่ยวเชื่อมโยงกัน ระหว่างละครทั้งสองเรื่อง
คุณ นิ้ง ชาวไทยที่อยู่อาศัยในเวียดนาม หนึ่งในผู้เข้าชมภาพยนตร์กล่าวว่า “จริงๆภาพยนตร์ไทยที่ฉายในเวียดนามเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องแรก ก่อนหน้านี้ก็มีภาพยนตร์ไทยแล้ว ซึ่งเราก็ดีใจว่า คนเวียดนามชอบและชื่นชมภาพยนตร์ไทยมาก ส่วนรอบนี้เป็นเรื่องบุพเพสันนิวาสซึ่งก่อนหน้านี้ บุพเพสันนิวาสที่เป็นละคร จำได้ว่า ตอนที่ชมออนไลน์ คนเวียดนามก็รู้จักและชอบมาก จนมาเป็นภาพยนตร์ก็ได้ยินว่า หลายคนพูดถึง บางครั้ง เพื่อนๆในออฟฟิสก็บอกว่า ชมหรือยัง ไปชมหรือยัง เรารู้สึกว่า มันมีความหมายกับคนไทยมาก เพราะว่ามันเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ทำให้คนเวียดนามชื่นชอบความเป็นไทย แล้วก็ทำให้ความเป็นไทยกระจายและเผยแพร่ความเป็นไทยให้ทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้น”
นาง มรกต เจนมธุกร อัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอยกับนักศึกษาเวียดนาม |
ภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส 2” เข้าฉายในเวียดนามเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาโดยถึงขณะนี้กวาดรายได้ไปแล้วถึง 6 หมื่น 5 พันล้านด่ง หรือประมาณ 100 ล้านบาท กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินสูงที่สุดในเวียดนาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ภาพยนตร์ไทยกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชนเวียดนาม อีกทั้ง ประเทศ คนและวัฒนธรรมของประเทศไทยก็ได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางและเป็นที่คุ้นเคยของชาวเวียดนามมากขึ้น.