มัสยิด Al- Noor – ที่พึ่งทางจิตใจของชาวมุสลิมในกรุงฮานอย

(VOVWORLD) - ถ้าไม่สังเกตชื่อที่เขียนบนป้ายที่ประตูหน้าของบ้านเลขที่12 ถนน  Hang Luoc น้อยคนนักที่จะรู้ว่านี่คือมัสยิด Al Noor ซึ่งเป็นมัสยิดแห่งเดียวในกรุงฮานอยและภาคเหนือเวียดนาม เป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวมุสลิมเวียดนามและต่างชาติในตลอดกว่า 100ปีที่ผ่านมา 
 
 
มัสยิด Al- Noor – ที่พึ่งทางจิตใจของชาวมุสลิมในกรุงฮานอย - ảnh 1มัสยิด Al- Noor 

มัสยิด Al- Noor มีอีกชื่อคือมัสยิดแห่งแสง มีพื้นที่700ตารางเมตร มีหลังคายอดแหลม ประตูทางเข้าสีขาวที่มีสถาปัตยกรรมของมัสยิดแบบอินเดีย พ่อค้าอินเดียได้ก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้เมื่อปี 1885 โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของเพื่อมุ่งสู่นครเมกกะและเปิดให้ชาวมุสลิมเข้ามาสวดมนต์ตั้งแต่ปี 1890 นาย ดว่าน ห่ง เกือง รองหัวหน้าคณะกรรมการบริหารมัสยิด Al- Noor ที่ดูแลมัสยิดแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1945 มาจนถึงปัจจุบันได้เผยว่า“มัสยิดเป็นบ้านของอัลลอฮ์ เป็นแหล่งบ่มเพาะคนดี เรียนรู้เรื่องศาสนา และเป็นศาสนสถานของชาวมุสลิม”

ชาวมุสลิมในกรุงฮานอย รวมถึงชาวมุสลิมอินโดนีเซียมักจะเดินทางไปสวดมนต์ที่มัสยิด Al- Noor ในทุกวันศุกร์ จากประตู ต้องเดินผ่านลานกว้าง 300 ตารางเมตรที่มีเสาทาสีขาวก็จะถึงพื้นที่สวดมนต์ในในที่บริเวณส่วนกลางของมัสยิด มีพื้นที่สวดมนต์สำหรับผู้ชายและผู้หญิง โดยผู้ชายใส่ชุดธรรมดาหรือชุดพื้นเมือง ส่วนผู้หญิงใส่ชุด Mukena ที่มิดชิด

มัสยิด Al- Noor – ที่พึ่งทางจิตใจของชาวมุสลิมในกรุงฮานอย - ảnh 2นาย ดว่าน ห่ง เกือง รองหัวหน้าคณะกรรมการบริหารมัสยิด Al- Noor ที่ดูแลมัสยิดแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1945 มาจนถึงปัจจุบัน

เพื่อตอบสนองความต้องการของชาวมุสลิมที่นับวันเพิ่มมากขึ้น เมื่อปี 2011 ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารมัสยิด Al- Noor เพื่อจัดกิจกรรมด้านศาสนาประจำสัปดาห์ อีกทั้งจดทะเบียนสมรสให้แก่ชาวมุสลิมเวียดนามและสัญชาติอื่นและ จัดงานแต่งงานและงานศพ ซึ่งทำให้มัสยิด Al- Noor เป็นศูนย์รวมใจและเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวมุสลิมกว่า 500 คนจากกว่า 20 ประเทศและชาวมุสลิมเวียดนามกว่า 100 คนในกรุงฮานอยและท้องถิ่นใกล้เคียง

“ผมได้พบปะกับชาวมุสลิมจากประเทศต่างๆ โดยแม้จะมีสัญชาติแตกต่างกัน แต่พวกเราได้มาสวดมนต์ที่มัสยิด Al- Noor ร่วมกัน การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เราต้องสวดมนต์ที่บ้าน หวังว่า วิกฤตโควิด-19 จะยุติลงโดยเร็วเพื่อให้ทุกคนสามารถเดินทางมาสวดมนต์ที่มัสยิด Al- Noor ได้อีกครั้ง”
“เราดีใจที่รู้ว่ามีมัสยิดอัลนูร์ในฮานอย ซึ่งได้มีโอกาสพบและร่วมสวดมนอธิษฐานกับชาวมุสลิมจากประเทศอื่น ๆ รวมทั้งชาวอินโดนีเซียทำให้รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังได้อยู่ในประเทศบ้านเกิดของเรา แม้มัสยิด Al- Noor จะมีพื้นที่ไม่กว้างมาก แต่มีการตกแต่งอย่างสวยงามและสะอาด ทำให้มีความรู้สึกสบายและสงบสุขเมื่อมาสวดมนต์ที่นี่”
ในตลอดกว่า 130 ปีที่ผ่านมา มีบางช่วงที่มัสยิด Al- Noor ต้องปิดดำเนินการเนื่องจากสงคราม แต่โชคดีที่ไม่ได้รับความเสียหายจากระเบิดและกระสุน ทำให้มัสยิดแห่งนี้ยังคงอยู่และเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวมุสลิมในกรุงฮานอยมาจนถึงปัจจุบัน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด