สถานประกอบการเวียดนามขยายการปลูกยางพาราเพื่อมีส่วนร่วมสร้างงานทำให้แก่แรงงานกัมพูชา
Van Hoa - VOV5 -  
(VOVWORLD) - บนพื้นฐานข้อตกลงร่วมมือระหว่างรัฐบาลเวียดนามกับรัฐบาลกัมพูชา เครือบริษัทอุตสาหกรรมยางพาราเวียดนามหรือวีอาร์จี ถือเป็นนักลงทุนกลุ่มแรกของเวียดนามในการปฏิบัติโครงการปลูกยางพาราในประเทศกัมพูชานับตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งถึงขณะนี้ ทางบริษัทได้รับการอนุมัติให้ปฏิบัติโครงการทั้งหมด 19 โครงการใน 8 จังหวัดและนครทั่วประเทศกัมพูชา ซึ่งมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างงานทำให้แก่แรงงานกัมพูชา พร้อมทั้งกระชับความสัมพันธ์เพื่อนบ้านให้ใกล้ชิดมากขึ้น
(Photo VNPlus)
|
ตามข้อมูลสถิติของกระทรวงการเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำกัมพูชา ถึงปี 2019 เครื่อบริษัทวีอาร์จีปลูกต้นยางพาราในประเทศกัมพูชาได้ประมาณ 90,000 เฮ็กตาร์ ซึ่งสามารถกรีดเอาน้ำยางได้ครึ่งหนึ่งแล้ว และคาดว่าถึงปลายเดือนมิถุนายนปี 2019 ทางบริษัทสามารถกรีดน้ำยางได้ประมาณ 10,380 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2018 และพัฒนาเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในด้านนี้ของกัมพูชา นาย โอ๊กญาที ตัวแทนของเครือบริษัทเผยว่า “ประเทศฝรั่งเศสใช้เวลา 47 ปีในการปลูกยางพาราในกัมพูชาโดยปลูกได้แค่ประมาณ 53,000 เฮ็กตาร์เท่านั้น ส่วนทางบริษัทฯใช้เวลาเพียง 8 ปีก็สามารถปลูกได้ 100,000 เฮ็กตาร์ ซึ่งผมคิดว่า เป็นตัวเลขที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงปี 2008-2010 ที่วิเกิดกฤตเศรษฐกิจโลก ดังนั้น หน่วยงานการเกษตร โดยเฉพาะเครือบริษัทยางพาราได้มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจกัมพูชาหลุดพ้นจากวิกฤต ยิ่งไปกว่านั้น ทางบริษัทฯได้ช่วยให้ประเทศกัมพูชาถูกระบุในแผนที่ของหน่วยงานยางพาราโลกตั้งแต่ปี 2010”
การปลูกยางพาราประสบความสำเร็จก็หมายถึงเปิดระยะแห่งความร่วมมือใหม่ที่เอื้อประโยชน์และกำหนดแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและยาวนานมาให้แก่ทางบริษัทฯ นายเจิ่นเหวียดหุ่ง ที่ปรึกษาสำนักงานตัวแทนของเครือบริษัทฯ ประจำประเทศกัมพูชากล่าวว่า “ปัจจุบันนี้ ทางบริษัทฯ มีโรงงานผลิตที่ทันสมัย โดยเมื่อเร็วๆนี้ เราได้ก่อสร้างโรงงานใหญ่ 3 แห่ง คือ ชือเซ เตินเบียน – กำปงธมและโรงงานมางยาง- รัตนคีรี ถ้าหากเปรียบเทียบกับโรงงานของไทย อินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ปลูกยางพารา โรงงานของเราทันสมัยกว่า และสามารถผลิตยางพาราที่มีคุณภาพสูง”
พักผ่อนระหว่างการทำงานในป่ายางพารา (Photo VNplus)
|
หนึ่งในปัญหาที่ทางบริษัทต้องรับมือคือแรงงาน เพราะว่า หลังการทำงานมาเป็นประมาณ 3-4 ปี แรงงานชาวเวียดนามส่วนใหญ่อยากกลับประเทศ ส่วนแรงงานกัมพูชามีความผันผวนเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้ทางบริษัทขาดแคลนแรงงาน ดังนั้น ทางบริษัทฯได้พยายามแก้ไขปัญหานี้โดยใช้มาตรการที่คล่องตัวในการรับสมัครแรงงาน เช่น ให้เงินเดือนสูงขึ้น มีประกันชีวิตและที่อยู่อาศัยให้ ซึ่งขณะนี้ ทางบริษัทได้สร้างงานทำให้แก่แรงงานท้องถิ่นกว่า 15,000 คน รวมทั้งแรงงานชาวกัมพูชาเชื้อสายเวียดนามและแรงงานส่วนใหญ่อยากทำงานระยะยาวกับทางบริษัท คุณ อุง จันตีและคุณ กิม รัตนา แสดงความคิดเห็นว่า
“ผมทำงานได้สามเดือนเท่านั้น งานดีมาก เงินเดือนก็ดี ผมอยากทำงานกับบริษัทนี้นานๆ”
“ฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้ทำงานที่นี่ งานดีและสะดวกสบาย โดยเฉพาะเจ้านายดูแลพวกเราเป็นอย่างดีและเป็นกันเองมาก ขอให้เจ้านายมีสุขภาพแข็งแรงเพื่อนำบริษัทพัฒนาต่อไป”
ป่ายางพารา (Photo VNplus)
|
นอกจากขยายพื้นที่ปลูกต้นยางพารา ทางบริษัทยังมีส่วนร่วมเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนโฉมหน้าให้แก่เขตชนบทของประเทศกัมพา โดยสมทบเงินทุนเพื่อก่อสร้างและซ่อมแซมถนนเชื่อมหมู่บ้านหรือตำบล พัฒนาระบบไฟฟ้า โรงเรียน สถานีอนามัยและที่อยู่อาศัย เป็นต้น นาย หวูกวางมิงห์ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศกัมพูชาเผยว่า “ผู้บริหารและทางการของกัมพูชาได้ชื่นชมกิจกรรมและการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ เป็นอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบของสถานประกอบการเวียดนามต่อสังคมกัมพูชา โดยเฉพาะหน่วยงานยางพาราที่กำลังพัฒนาในเขตที่ห่างไกลความเจริญของกัมพูชา เพื่อมีส่วนร่วมยกระดับชีวิตความเป็นอยู่และสร้างงานทำให้แก่ชาวท้องถิ่น”
ด้วยมาตรการที่มีประสิทธิภาพและทันการณ์ การพัฒนาพื้นที่ปลูกยางพาราของบริษัทวีอาร์จีในกัมพูชาได้สร้างงานทำที่มั่นคงให้แก่แรงงานชาวท้องถิ่นจำนวนมาก ซึ่งช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจและมีเงินเดือนอย่างเพียงพอเพื่อเลี้ยงครอบครัว หวังว่า การปลูก การแปรรูปและการส่งออกยางพาราที่นี่จะสร้างรายได้ให้แก่สถานประกอบการและประชาชนเวียดนามและกัมพูชามากขึ้น.
Van Hoa - VOV5