เวียดนามในปีดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน 2020
Nguyen Yen/VOV5 -  
(VOVWORLD) - วันที่ 4 พฤศจิกายน ในกรอบการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35 เวียดนามได้รับตำแหน่งประธานอาเซียนปี 2020 ต่อจากไทยและจะปฏิบัติหน้าที่นี้เป็นเวลา 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ 1 มรกราคมปี 2020 การที่เวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน 2020 ได้รับการประเมินจากหลายประเทศว่า นี่คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ตั้งความหวังว่า เวียดนามจะปฏิบัติหน้าที่นี้ให้ประสบความสำเร็จ นี่คือเนื้อหาในการเสวนาภายใต้หัวข้อ “วาระประธานอาเซียนของไทยและบทบาทของอาเซียนในการพัฒนาของประเทศและภูมิภาค” ที่เพิ่งจัดขึ้น ณ กรุงฮานอย โดยสถาบันการทูตของกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามและสถานทูตไทย ณ กรุงฮานอย นาย กวี จงกิจถาวร ผู้เชี่ยวชาญสถาบันวิจัยความมั่นคงระหว่างประเทศสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนาย ฝามกวางวิง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเป็นวิทยากรของการเสวนาดังกล่าว
การเสวนาภายใต้หัวข้อ “วาระประธานอาเซียนของไทยและบทบาทของอาเซียนในการพัฒนาของประเทศและภูมิภาค” |
ปี 2020 เวียดนามจะปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียนท่ามกลางสถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อน แต่ถึงกระนั้น เวียดนามก็ยังคงได้รับความสำคัญ เพราะเป็นประเทศเดินหน้าในกิจกรรมของกลุ่ม ตลอดจนการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง นี่คือการประเมินของนาย กวี จงกิจถาวร ผู้เชี่ยวชาญสถาบันวิจัยความมั่นคงระหว่างประเทศสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “ตอนนี้ เวียดนามได้เป็นสมาชิกอาเซียนมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว และตอนนี้ เวียดนามมีบทบาทมาก เป็นผู้นำในอาเซียน เพราะว่า เข้าร่วมกิจกรรมอาเซียนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง บทบาทของเวียดนามในการกำหนดวิถีทางอาเซียนมีเยอะมาก ฉะนั้น ในปีประธานอาเซียน 2020 ก็คงจะดำเนินต่อไป”
กวี จงกิจถาวร ผู้เชี่ยวชาญสถาบันวิจัยความมั่นคงระหว่างประเทศสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
นาย กวี จงกิจถาวร เป็นมิตรที่ใกล้ชิดของเวียดนาม และได้ติดตามผลสำเร็จในการพัฒนาของเวียดนามในตลอด 33 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นผู้ช่วยของเลขาธิการอาเซียนเมื่อเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อปี 1995 และมีความเชื่อมั่นต่อเวียดนามในวันแรกๆเมื่อรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หวูควาน นำคณะนักเจรจาเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ตามความเห็นของนาย กวี จงกิจถาวร ในปี 2020 เมื่อเวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ความท้าทายที่วางไว้คือปัญหาการพัฒนาภายในกลุ่มในสภาวการณ์ที่กำลังเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่เวียดนามยังคงได้รับการคาดหวังว่า จะนำอาเซียนฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปได้ “ความท้าทายในปีหน้า เวียดนามจำเป็นที่จะต้องทำให้อาเซียนมีเสียงในเวทีการเมืองต่างประเทศที่เป็นเสียงเดียวกัน คือเวลาพูดคุยอะไรมีประเด็น แล้วก็เสียงสะท้อนที่เหมือนกัน อันนี้อาจจะทำลำบาก แต่เวียดนามมีประสบการณ์มาก ประเด็นที่ 2 คือพยายามที่จะเปิดเวทีใหม่ๆเพื่อที่จะเปิดตลาดการค้าให้กับสมาชิกอาเซียน เพราะว่า สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐทำให้เกิดผลเสียโดยตรงต่อเศรษฐกิจอาเซียน ฉะนั้น เวียดนามมีประสบการณ์มากในการหาวิธีการใหม่ๆในการหาลู่ทางพัฒนาตลาดการค้า เพราะว่า เวียดนามมีข้อตกลงการค้าเสรีมากที่สุดในอาเซียน มี 17 ข้อตกลง ฉะนั้น เวียดนามจะมีวิธีการที่ดี”
นาย ฝ่ามกวางวิงห์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม |
เช่นเดียวกับทัศนะของนาย กวี จงกิจถาวร นาย ฝ่ามกวางวิงห์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้แสดงความเห็นว่า ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีการผันผวนอย่างซับซ้อน ซึ่งมีทั้งโอกาสและความท้าทาย หน้าที่ที่วางไว้ต่อประธานหมุนเวียนอาเซียน โดยก่อนอื่นคือไทย ต่อจากนั้นคือเวียดนามคือต้องทำเช่นไรเพื่อแก้ไขความท้าทายและใช้โอกาส ประสานงานกับประเทศสมาชิกอื่นๆเพื่อการพัฒนาของอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกกำลังผันผวนอย่างซับซ้อน ต้องระบุอาเซียนในนโยบายหลักของแต่ละประเทศ ในฐานะประธานอาเซียน ต้องหาวิธีการนำอาเซียน สร้างสรรค์ประชาคมที่สามัคคีแต่ก็ต้องรับมือกับความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ต้องผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างไรในสภาวการณ์ของสงครามการค้า นี่คือระยะทดสอบที่สำคัญเพื่อให้อาเซียนพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ ซึ่งเพื่อปฏิบัติเรื่องนี้ได้ อาเซียนต้องอาศัยหลักการของตน เห็นถึงผลประโยชน์และมีความสัมพันธ์กับประเทศใหญ่ๆ”
ตามความเห็นของอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ามกวางวิงห์ อดีตหัวหน้า SOM อาเซียนของเวียดนาม ถึงแม้สถานการณ์ในโลกมีการผันผวนอย่างซับซ้อน แต่ภูมิภาคเอเชียยังคงมีความสะดวก นั่นคือประเทศต่างๆยังคงสนับสนุนการค้าเสรี ลัทธิพหุภาคีและผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ถึงแม้แข่งขันกัน แต่ประเทศใหญ่ๆยังคงให้ความสำคัญต่อบทบาทของอาเซียน นี่ก็คือข้อสะดวกเพื่อให้เวียดนามในฐานะประธานอาเซียนปี 2020 สามารถหารือกับประเทศนอกกลุ่มเพื่อผลักดันความร่วมมือและผลักดันบทบาทของอาเซียนในฟอรั่มระหว่างประเทศ นอกจากนั้น ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน 2019 ยังสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อให้เวียดนามปฏิบัติหน้าที่นี้ให้ลุล่วงไปด้วยดี นี่ก็คือความเห็นของนาย กวี จงกิจถาวร ผู้เชี่ยวชาญสถาบันวิจัยความมั่นคงระหว่างประเทศสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนครั้งนี้ประสบความสำเร็จมากใน 2-3 เรื่อง ในเรื่องที่ส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเป็นประเด็นที่ผมคิดว่า เวียดนามจะนำไปประสานต่อได้ ส่วนประเด็นที่ 2 คือเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งเวียดนามให้ความสำคัญมากในประเด็นนี้ เพราะว่า เวียดนามให้การสนับสนุนนโยบายนี้ตั้งแต่ไทยเริ่มคิดเมื่อหลายปีก่อน อันนี้เป็นประเด็นสำคัญ ส่วนประเด็นที่ 3 เรื่องความคิดในกรอบของอินโดแปซิฟิก ซึ่งประเทศไทยได้สามารถนำความคิดเห็นนี้ออกมาเป็นรูปธรรม ฉะน้น เวียดนามในฐานะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้าอาจจะต้องนำเอากรอบความคิดนี้มาปฏิบัติโดยที่พูดคุยกับอาเซียนและคู่เจรจาเพื่อที่จะได้นำเอาความคิดต่างๆเหล่านี้มาทำให้เป็นความจริง”
ด้วยประสบการณ์ในการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เช่นข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออีวีเอฟทีเอที่เพิ่งลงนาม สมาชิกของข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือซีพีทีพีพี ในฐานะประธานอาเซียนปี 2020 เวียดนามจะส่งเสริมบทบาทแกนหลักในการนำอาเซียนและกลายเป็นสะพานเชื่อม เพื่อเปิดศักยภาพใหม่ให้แก่อาเซียน.
Nguyen Yen/VOV5