แนวทางของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียในด้านน้ำมันปาล์ม

(VOVWORLD) -อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันปาล์มมากที่สุดในโลก ส่วนเวียดนามเป็นประเทศที่มีความต้องการน้ำมันปรุงอาหารในระดับสูง ดังนั้น ทั้งสองประเทศจึงมีโอกาสสูงในการขยายความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ต่อไปนี้ขอเชิญท่านฟังบทความเรื่อง “แนวทางของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียในด้านน้ำมันปาล์ม”
แนวทางของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียในด้านน้ำมันปาล์ม - ảnh 1 นาย Ibnu Hadi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามและนาง เหงียนถิทูถวี รองประธานและเลขาธิการของวีเอซีโอดี 

เมื่อเร็วๆนี้ สถานทูตอินโดนีเซีย ณ กรุงฮานอยได้จัดการสัมมนาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เกี่ยวกับการขยายความร่วมมือในด้านน้ำมันปาล์มระหว่างอินโดนีเซียกับเวียดนาม โดยเน้นหารือเกี่ยวกับแนวโน้มและมาตรการผลักดันการค้าน้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซียไปยังเวียดนามและส่งเสริมการเชื่อมโยงและเครือข่ายประกอบธุรกิจของสถานประกอบการของทั้งสองประเทศ ในการประเมินเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านนี้ นาย Ibnu Hadi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามกล่าวว่า            “น้ำมันพืช โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มเป็น 1 ใน 10 สินค้าส่งออกหลักของอินโดนีเซียมายังตลาดเวียดนาม และเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดนำเข้าหลักที่เต็มไปด้วยศักยภาพของอินโดนีเซีย เมื่อปี 2016 การส่งออกน้ำมันพืชของอินโดนีเซียไปยังเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 162 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงปี 2018 ได้เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 77 อยู่ที่เกือบ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในปี 2019 ได้ลดลงร้อยละ 23 ส่วนในช่วงกลางปี 2020 ถึงแม้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แต่มูลค่าการส่งออกน้ำมันพืชของอินโดนีเซียมายังตลาดเวียดนามยังอยู่ที่เกือบ 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นาย Ibnu Hadi ยังเผยว่า จริงๆแล้ว อินโดนีเซียได้ส่งออกน้ำมันปาล์มมายังเวียดนามนานมาแล้วแต่ถึงปี 2015 จึงสามารถเห็นผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียในตลาดเวียดนาม ถึงแม้อัตราการส่งออกน้ำมันพืชของอินโดนีเซียมายังเวียดนามตั้งแต่ช่วงนั้นมาจนถึงปัจจุบัน บางช่วงอาจลดลงแต่ถ้าหากมองในภาพรวม ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดี ในหลายปีมานี้ เวียดนามและอินโดนีเซียได้เน้นประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการจำหน่ายน้ำมันปาล์ม เวียดนามมีความต้องการน้ำมันปรุงอาหารถึง 1.5 ล้านตันต่อปีแต่ปริมาณการผลิตภายในประเทศตอบสนองความต้องการได้ร้อยละ 40 เท่านั้น จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยมาเลเซียเป็นประเทศส่งออกน้ำมันปรุงอาหารมายังตลาดเวียดนามรายใหญ่ที่สุด รองลงมาคือประเทศอินโดนีเซีย นาง เหงียนถิทูถวี รองประธานและเลขาธิการของสมาคมพัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภคเวียดนามหรือวีเอซีโอดีเผยว่า “ที่เวียดนาม น้ำมันปาล์มเป็นสินค้าที่กำลังมีการแข่งขัน สถานประกอบการเวียดนามเผยว่า มาเลเซียได้เดินก่อนอินโดนีเซียในการส่งออกน้ำมันปาล์ม และในเวียดนาม น้ำมันปาล์มยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนน้ำมันพิชชนิดอื่นๆ ดังนั้น ถึงแม้การส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียมายังตลาดเวียดนามได้เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีมานี้แต่ปริมาณการบริโภคยังไม่สูงนัก ซึ่งน้ำมันพืชที่ส่งออกมายังตลาดเวียดนามส่วนใหญ่ใช้สำหรับการผลิตในอุตสาหกรรมเท่านั้น”

ตามความคิดเห็นของสถานประกอบการเวียดนาม อุปสรรคในการส่งออกน้ำมันปาล์มมายังตลาดเวียดนามคือความเคยชินของผู้บริโภค โดยในปัจจุบัน คนเวียดนามนิยมใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันงา และน้ำมันรำข้าว เป็นต้น และผู้บริโภคเวียดนามยังไม่ได้รับข้อมูลอย่างสมบูรณ์เกี่ยวกับคุณภาพและส่วนประกอบของน้ำมันปาล์มและราคาคืออีกปัญหาสำหรับสถานประกอบการอินโดนีเซียที่ต้องการส่งออกมายังเวียดนาม นาง เหงียนถวี่เยือง บรรณาธิการใหญ่หนังสือพิมพ์เทืองยา ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของสมาคมพัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภคเวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า “ ต้องประชาสัมพันธ์ให้ชาวเวียดนามรับทราบเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของน้ำมันปาล์มเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันพืชชนิดอื่นๆเพื่อเปลี่ยนแปลงความเคยชิน ส่วนเพื่อให้สถานประกอบการเวียดนามหันมาร่วมมือกับหุ้นส่วนใหม่จากอินโดนีเซียแทนหุ้นส่วนเก่าที่พวกเขาได้ทำการค้าขายกันมานาน ก็ต้องมีผลประโยชน์ที่มากกว่าและก็ต้องเน้นประชาสัมพันธ์และทำการตรวจเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเวียดนามสนใจผลิตภัณฑ์นี้มากขึ้น พวกเราพร้อมร่วมมือและส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ

แนวทางของความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียในด้านน้ำมันปาล์ม - ảnh 2 นาย Joko Supriyono นายกสมาคมน้ำมันปาล์มอินโดนีเซีย

สำหรับข้อเสนอของเวียดนาม นาย Joko Supriyono นายกสมาคมน้ำมันปาล์มอินโดนีเซียหรือจีเอพีเคไอ ซึ่งเป็นตัวแทนของสถานประกอบการอินโดนีเซียแสดงความคิดเห็นว่า “ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของฝ่ายเวียดนามว่า อินโดนีเซียต้องส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผ่านการสัมมนา งานแสดงสินค้าและพบปะหารือกับหุ้นส่วนเวียดนามมากขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่หลักที่เราต้องปฏิบัติในเวลาอันใกล้นี้ เราต้องช่วยให้คนเวียดนามเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับน้ำมันปาล์ม คุณประโยชน์และส่วนประกอบ เราต้องการความช่วยเหลือจากสถานทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามเพื่อจัดฟอรั่มต่างๆ ส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการของทั้งสองประเทศ

สำหรับมาตรการเฉพาะหน้า อินโดนีเซียจะส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ต่างๆ เช่น ทำคลิปวิดีโอแนะนำเกี่ยวกับน้ำมันปาล์มเพื่อช่วยให้คนเวียดนามมีความเข้าใจอย่างถูกต้องและรอบด้านมากขึ้นและมีก้าวเดินที่เป็นรูปธรรมและเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อขยายความสัมพันธ์ร่วมมือในด้านที่เต็มไปด้วยศักยภาพนี้.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด