งานแข่งม้า ณ บั๊กห่า-วัฒนธรรมที่โดดเด่นของชนเผ่าในเตยบั๊ก
Vinh Phong-VOV5 -  
( VOVworld )- อำเภอบั๊กห่า จังหวัดหล่าวกาย ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนามเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศไม่เพียงแต่ทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงามเช่น ภูผา ดอกไหนและดอกเหมยสีขาวบานสะพรั่งเมื่อฤดูใบไม้ผลิเวียนมาเท่านั้น หากยังชื่นชอบงานเทศกาลต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเขตเขา โดยเฉพาะงานแข่งม้าที่มีอายุประมาณ ๑๐๐ ปี ซึ่งจะมีขึ้นทุกๆเดือนมิถุนายน โดยผู้แข่เป็นชาวบ้าน ส่วนม้าที่แข่งนั้นเป็นม้าขนส่งสินค้าช่วยชาวบ้านในการทำมาหากิน
( VOVworld )- อำเภอบั๊กห่า จังหวัดหล่าวกาย ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนามเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศไม่เพียงแต่ทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงามเช่น ภูผา ดอกไหนและดอกเหมยสีขาวบานสะพรั่งเมื่อฤดูใบไม้ผลิเวียนมาเท่านั้น หากยังชื่นชอบงานเทศกาลต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเขตเขา โดยเฉพาะงานแข่งม้าที่มีอายุประมาณ ๑๐๐ ปี ซึ่งจะมีขึ้นทุกๆเดือนมิถุนายน โดยผู้แข่เป็นชาวบ้าน ส่วนม้าที่แข่งนั้นเป็นม้าขนส่งสินค้าช่วยชาวบ้านในการทำมาหากิน
เมื่อก่อนนี้ งานแข่งม้า ณ บั๊กห่าถูกจัดขึ้นรอบทุ่งนาและเนินต่างๆ ส่วนเส้นชัยคือพื้นที่ดินกลางแจ้งในใจกลางตัวเมือง เมื่อใกล้ถึงเส้นชัย ผู้แข่งต้องรีบลงจากหลังม้า ชักปืนออกจากไหล่และยิง ๕ นัดใส่เป้าแล้วชิงลูกบอล เสร็จแล้วก็ขี่ม้าวิ่งกลับไปที่เส้นสตาร์ท ผู้ที่ชนะต้องยิงถูกเป้าให้ได้มากที่สุดและกลับไปที่เส้นสตาร์ทเป็นคนแรก ซึ่งเป็นที่มาของตำนานเกี่ยวกับหนุ่มบั๊กห่าที่สามารถขี่ม้าเร็วและยิงปืนแม่นร้อยนัด ปัจจุบัน การแข่งม้าในบั๊กห่ายังไม่มีการยิงปืนแล้ว และมีสนามม้าไว้สำหรับแข่ง มีการจัดอย่างมืออาชีพมากขึ้น ดังนั้นจึงดึงดูดใจผู้มาชมมากขึ้น
งานแข่งม้า ณ บั๊กห่ายังมีการเข้าร่วมจากจังหวัดอื่นๆในภาคตะวันตกเฉียงเหนือเช่น เอียนบ๊าย ห่ายาง ลายโจว เซินลาและเดียนเบียน ดังนั้นหากอยากชนะต้องมีการเตรียมเป็นอย่างดี นายหว่างวันต่าย ชนเผ่าไต อาศัยที่หมู่บ้านนาอ๊างอา ตำบลนาโฮ้ย อำเภอบั๊กห่า ที่มีประสบการณ์เลี้ยงม้ามากว่า ๓๐ ปีเปิดเผยว่า ม้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่สนิทกับทุกครอบครัวในบั๊กห่าและท้องถิ่นอื่นๆในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ม้าซื่อสัตย์ต่อผู้เลี้ยงและช่วยงานของคนเขตเขาได้มากจึงถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่า หลายปีที่ผ่านมา การแข่งม้าเป็นกีฬาฮิตดังนั้น นอกเหนือเวลาไปทำไร่และขนส่งแล้ว ม้าต้องได้รับการฝึกให้เป็นม้าแข่ง นายหว่างวันต่ายเปิดเผยต่อไปว่า ม้าต้องมีความสมบูรณ์ รูปร่างดี ขาและเท้าทั้งสี่จะต้องแข็งแรงได้รูป ขาจะต้องไม่โก่งหรือแอ่น ขนนิ่ม ตาไว หน้าอกกว้าง มีกล้ามเนื้อมากและกล้ามเนื้อนูนเป็นก้อนทั้งสองข้าง ก้าววิ่งยาวและเป็นจังหวะๆ นายต่ายกล่าว “ ต้องเลือกม้าที่ขาไม่โก่งหรืแอ่น เล็บหนา หากม้าตัวไหนมีฝ่าขาเหมือนของเป็ดจะวิ่งช้า ส่วนอาหารนั้นต้องให้มันกินให้อิ่มและสะอาด ชัยชนะของผมในอดีตเนื่องจากม้าแข่งเชื่องแล้ว เป็นม้าดีและผมก็ฝึกมันมาตลอด ผมฝึกมันทั้งเช้าและบ่ายแต่ไม่หนักเกินไป ”
นายต่ายดูแลม้าแข่ง
ผู้เข้าร่วมการแข่งม้าไม่ใช่นักขี่ม้ามืออาชีพ หากเป็นเกษตรกรและม้านั้นก็ไม่ใช่ม้าแข่งเฉพาะหากเป็นม้าที่ใช้งานของเกษตรกร และที่น่าสนใจคือ ผู้แข่งไม่ใช้อานม้าและโกลน หากบังเหียนม้าด้วยสายบังเหียนและปากเหล็กเท่านั้น และเมื่อต้องการให้ม้าวิ่งเร็วขึ้นผู้ขี่จะบังคับมันด้วยสายบังเหียน รักษาความสมดุลและขาทั้งสองบีบท้องม้าอย่างสนิท ทั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของบรรดาผู้แข่ง
นายหว่างวันหวิ่ง ที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งม้าสองปีติดต่อกันคือ ๒๐๑๒ และ ๒๐๑๓ คุยกับพวกเราถึงเคล็ดลับในการแข่งม้าว่า ต้องดูม้าของคู่แข่ง รักษาระยะทางเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ม้าเบียดกันทำให้เกิดอุบัติเหตุ นายหวิ่งกล่าว “ ต้องนั่งให้มั่นคงบนหลังม้าเพื่อออกคำสั่งเวลาม้าวิ่ง เมื่อเข้าทางโค้งต้องใช้สายบังเหียนบังคับม้าลดความเร็วเพื่อไม่ให้ตกม้า เมื่อวิ่งบนทางราบไม่ต้องบังคับด้วยสายบังเหียนและปล่อยให้ม้าวิ่งตามความสามารถ ”
นายหวิ่งผู้ชนะเลิศในการแข่งม้าสองปีติดต่อกัน
งานแข่งม้าที่บั๊กห่าสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศเมื่อชมหนุ่มฉกรรจ์ของหมู่บ้านขี่ม้าที่เป็นม้าขนส่งสินค้าหรือไถนาแข่งขันกันอย่างดุเดือด บางที่ก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกเสียวเพราะคนขี่ไม่สามารถบังคับม้าได้จนมันวิ่งออกจากสนาม หรือบางตัววิ่งตรงไปชนรั้วหรือผู้ขี่ม้าตกจากหลังม้า ทั้งนี้คือเสน่ห์ของงานแข่งม้าที่บั๊กห่าทำให้มันกลายเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศเมื่อฤดูแข่งม้าเวียนมา นายมาตเทียส มาตต์ นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันที่มาจากเมืองแฮมเบอร์ค กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “ ผมชอบมาก สิ่งที่โดดเด่นของงานคือ มีการเข้าร่วมของหนุ่มชาวบ้าน ชาวบ้านทุกคนอยากชมการแข่งขั้นนี้ การแข่งม้าที่นี่ไม่ต่างกับการแข่งม้าที่บ้านของผม และมีสิ่งที่ตื่นเต้นอีกคือ เมื่อใกล้ถึงเส้นชัย มีม้าสองตัวหยุดพร้อมกันและเดินเข้าไปในสนามหญ้า ทำให้ผมกับบรรดาผู้ชมต่างหัวเราะ ซึ่งเป็นงานที่ดึงดูดใจ ”
คุยกับม้าก่อนเข้าแข่ง
งานแข่งม้าบั๊กห่าเป็นเทศกาลที่ตื่นเต้น ทดสอบความทรหด ความกล้าหาญและไหวพริบปฏิภาณของผู้แข่งได้กลายเป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าเขตเขาภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม หนุ่มชนเผ่าที่ซื่อสัตย์และหาญกล้าขี่ม้าที่เขาเลี้ยงเองเพื่อขนส่งสินค้าหรือไถนาเข้าร่วมการแข่งขันได้สร้างความตื่นเต้นจนถึงสุดขีดและทำให้นักท่องเที่ยวเมื่อมาแล้วก็อยากกลับมาอีก ./.
Vinh Phong-VOV5