ชุดอ๊าวหย่าย“มุ่งใจสู่รากเหง้า”

โครงการชุดอ๊าวหย่าย “มุ่งใจสู่รากเหง้า”ของนักออกแบบ ทวาเจิ่น ใช้เวลากว่า 1 ปีตั้งแต่การออกแบบและจัดการเดินแฟชั่นโชว์ โดยชุดอ๊าวหย่ายแต่ละชุดเปรียบเสมือนผลงานศิลปะ ซึ่งมีทั้งหมด 20 ผลงาน ซึ่งเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และสะท้อนให้เห็นถึงเกียรติประวัติและวัฒนธรรมของเวียดนามผ่านการออกแบบลวดลายพื้นเมืองและสีสันที่โดดเด่นเกี่ยวกับวิหารหุ่งและทิวทัศน์ที่สวยงามของแผ่นดินแห่งบรรพกษัตริย์หุ่ง โดยชุดอ๊าวหย่ายแต่ละชุดมีทั้งกลิ่นอายพื้นเมืองและการพัฒนาตามยุคสมัย ซึ่งการออกแบบและใส่ชุดอ๊าวหย่ายนี้เป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมความภาคภูมิใจในรากเหง้าและมรดกวัฒนธรรมของประชาชาติ อันเป็นการเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นใหม่กับประวัติศาสตร์และอนุรักษ์คุณค่าวัฒนธรรมของประชาชาติเวียดนาม นักออกแบบ ทวาเจิ่น ได้เผยว่า

“ในช่วงใกล้ถึงงานสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งทุกปี ผมจัดการเดินแฟชั่นเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่เกี่ยวกับสมัยบรรพกษัตริย์หุ่งและเรื่องราวการเป็นลูกหลานของมังกรและนางฟ้า โดยการเปิดตัวชุดอ๊าวหย่ายปีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ความงามของบ้านเกิดและการมุ่งใจสู่รากเหง้าให้แก่ประชาชนทุกคนในทั่วประเทศ รวมทั้งชาวเวียดนามโพ้นทะเล อีกทั้งรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนมุ่งใจสู่งานสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่งในวันที่ 10 เดือน 3 ตามจันทรคติและร่วมแรงร่วมใจอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมของเวียดนาม”

นักออกแบบ ทวาเจิ่น

การออกแบบชุดอ๊าวหย่ายเหล่านี้เหมาะกับโอกาสต่างๆ รวมทั้งสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันเนื่องจากมีทั้งกลิ่นอายพื้นเมืองและตามทันแฟชั่นในปัจจุบัน อันเป็นการยืนยันถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมและความภาคภูมิใจในชุดอ๊าวหย่ายของคนเวียดนาม ศ.  เลวันลาน นักประวัติศาสตร์ รองประธานสภาวิทยาศาสตร์เขตโบราณสถานทางประวัติศาสตร์วิหารหุ่งได้ประเมินชุดอ๊าวหย่าย “มุ่งใจสู่รากเหง้า” ว่า

“ชุดอ๊าวหย่ายนี้บ่งบอกถึงความหมายและกลิ่นอายแห่งรากเหง้าอย่างสมบูณณ์ โดยใช้ภาพปีกนางฟ้าอย่างมีความคิดสร้างสรรค์และใช้พื้นหลังสีเหลืองที่สื่อถึงแผ่นดินแห่งบรรพกษัตริย์หุ่งและเขตโบราณสถานทางประวัติศาสตร์พิเศษระดับชาติวิหารหุ่ง”

การเดินแฟชั่นโชว์ชุดอ๊าวหย่าย “มุ่งใจสู่รากเหง้า”ของนักออกแบบ ทวาเจิ่น จัดขึ้นในกรอบงานสักการะบูชาบรรพกษัตริย์หุ่ง เทศกาลวิหารหุ่งและสัปดาห์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแผ่นดินแห่งบรรพกษัตริย์หุ่งปี 2024 ณ จังหวัดฟู้เถาะ ซึ่งเป็นนิมิตหมายใหม่ของวงการแฟชั่น สะท้อนความภาคภูมิใจในประชาชาติและเป็นการเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบันและอนาคต.