ปัจจุบัน ที่จังหวัดบากเลียว มีการปฏิบัติรูปแบบการเลี้ยงกุ้งในนาข้าวในพื้นที่เกือบ 40,000 เฮกตาร์

รูปแบบการเลี้ยงกุ้งในนาข้าวเป็นรูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความเสี่ยงน้อยมากและเหมาะสำหรับสถานการณ์ด้านการเกษตรของเกษตรกรจำนวนมาก โดยมูลของกุ้งทำให้ดินอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ส่วนอาหารที่เหลือจากการกินของกุ้งทั้งในรูปตะกอนและสารอินทรีย์ก็ละลายในน้ำซึ่งช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ส่วนการปลูกข้าวก็มีส่วนช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้แก่การเลี้ยงกุ้งให้มีความแข็งแรงและลดความเสี่ยงจากโรคระบาด

 ในช่วงนี้ ทุ่งนาต่างๆในอำเภอเมืองย้าราย จังหวัดบากเลียวกำลังเขียวขจี โดยดอกข้าวทุกดอกกำลังบานเต็มที่ นาย ดว่านแทงตุ่ง อาศัยที่ตำบลฟองแถงอา ได้เผยว่า ครอบครัวเขากำลังเลี้ยงกุ้งในทุ่งนากว้าง 3 เฮกตาร์ ซึ่งทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

“รูปแบบนี้ช่วยปรับปรุงที่ดินและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง สร้างกำไรตั้งแต่ 12,300  - 16,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี”

อำเภอเมืองย้ารายมีที่ดินเพื่อทำเกษตรกรรม รวมถึงพื้นที่ดินเค็มและดินจืดกว่า 3 หมื่นเฮกตาร์ โดยเป็นพื้นที่ดินเค็มสำหรับเลี้ยงกุ้ง 2 หมื่น 3 พันเฮกตาร์ การเลี้ยงกุ้งในรูปแบบเก่าไม่เกิดประสิทธิผล ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2020 เกษตรกรที่นี่ได้หันมาปฏิบัติรูปแบบการเลี้ยงกุ้งในทุ่งนา เช่น การปลูกข้าวหมุนเวียนกับการเลี้ยงกุ้ง การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและ ก๊า แก่ว หรือในภาษาไทยเรียกว่า “ปลาท่องเที่ยว” ผสานกับการปลูกข้าว โดยรูปแบบนี้ได้รับการขยายจากพื้นที่เกือบ 3 พันเฮกตาร์ในช่วงแรกๆมาเป็นกว่า 7 พันเฮกตาร์ในปัจจุบัน นาย หวิ่งแทงตว่าน หัวหน้าแผนกเศรษฐกิจของอำเภอเมืองย้ารายได้เผยว่า

“รูปแบบการเลี้ยงกุ้งในทุ่งนาช่วยปรังปรุงที่ดินให้อุดมสมบูรณ์และเอื้อให้แก่การเลี้ยงกุ้งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างกำไรเฉลี่ย 4,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์”

เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของรูปแบบนี้ ทางการจังหวัดบากเลียวได้ลงทุนพัฒนาระบบชลประทานและทำนบเพื่อป้องกันน้ำเค็มซึมและกักเก็บน้ำจืดไว้ในนาข้าว โดยที่ตำบลฟองแถงอา อำเภอเมืองย้าราย ได้พัฒนาทำนบเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำให้แก่รูปแบบการเลี้ยงกุ้งในนาข้าว รวมพื้นที่ 3,000 เฮกตาร์ นาย เหงวียนแองทือ อาศัยที่ตำบลฟองแถงอาได้เผยว่า

“การก่อสร้างทำนบมีวัตถุประสงค์เพื่อกักเก็บน้ำจืดไว้ในนาข้าว โดยเมื่อหลายปีก่อนที่ยังไม่มีทำนบ ถึงแม้ได้สูบน้ำจืดเข้านาแล้ว แต่การปลูกข้าวก็ได้รับผลกระทบ”

รูปแบบการเลี้ยงกุ้งในนาข้าวสร้างประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูงและสามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

การปฏิบัติรูปแบบการเลี้ยงกุ้งในนาข้าวช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้ดีขึ้น โดยจำนวนครอบรัวที่ยากจนและใกล้เกณฑ์ยากจนได้ลดลงจากกว่า 400 ครอบครัวเหลือ 47 ครอบครัว รายได้เฉลี่ยวต่อหัวประชากรได้เพิ่มขึ้นจาก 2,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปีเป็น 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี นาย ฝ่ามวันเฮต เลขาธิการพรรคสาขาตำบลฟองแถงอาได้เผยว่า

“ชาวบ้านมีความปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างมากเพราะรูปแบบนี้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านไม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด หากสามารถสร้างฐานะในบ้านเกิดได้ โดยการปรับปรุงโครงสร้างการผลิตได้ตอบสนองความต้องการและความปรารถนาของชาวบ้านและทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น ประชาชนและทางการปกครองท้องถิ่นนับวันเชื่อมโยงกันและสนับสนุนกันในระดับสูง”

ปัจจุบัน ที่จังหวัดบากเลียว มีการปฏิบัติรูปแบบการเลี้ยงกุ้งในนาข้าวในพื้นที่เกือบ 40,000 เฮกตาร์และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 43,000 เฮกตาร์ภายในปี 2025 เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์.