(VOVWORLD) - วันที่ 17 กรกฎาคม นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 17-19 กรกฎาคม ซึ่งเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในกรอบการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงระหว่างสองประเทศในปี 2023 ในสภาวการณ์ที่สองประเทศรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต 1 สิงหาคม พร้อมทั้งกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ได้รับการยกระดับนับตั้งแต่ปี 2013 ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ก้าวพัฒนาความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ (VNA) |
ในหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม – สิงคโปร์ได้พัฒนาอย่างเข้มแข็งและคล่องตัว โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับอยู่เสมอ ซึ่งบรรลุผลงานที่เป็นรูปธรรมต่างๆ มีส่วนร่วมธำรงอัตราการพัฒนาของความสัมพันธ์และกำหนดแนวทางความร่วมมือในหลายด้าน
จุดเด่นแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ได้ประสบผลที่น่ายินดีต่างๆ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นแห่งความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออเฉียงใต้ โดยยอดมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2022 อยู่ที่กว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2021 จนถึงเดือนธันวาคมปี 2022 สิงคโปร์ยังคงนำหน้าในอาเซียนและอยู่อันดับที่ 2 ในจำนวน 141 ประเทศและดินแดนที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามมากที่สุด สิงคโปร์มีโครงการลงทุนในเวียดนามรวม 3,095 โครงการ รวมยอดเงินทุนจดทะเบียนประมาณ 7 หมื่น 8 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐใน 51 จังหวัดและนครทั่วประเทศ ซึ่งเน้นในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การขายปลีก การสื่อสารโทรคมนาคม อสังหาริมทรัพท์และอุตสาหกรรมแปรรูป เป็นต้น
เขตนิคมอุตสาหกรรมเวียดนาม – สิงคโปร์หรือ VSIP ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมือด้านเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีส่วนร่วมสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเวียดนาม ปัจจุบันนี้ มีเขตนิคมอุตสาหกรรมนี้รวม 12 เขตตั้งอยู่ใน 9 จังหวัดและนครทั่วเวียดนาม ดึงดูดเงินลงทุนประมาณ 1 หมื่น 7 พัน 6 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐและสร้างงานทำเกือบ 300,000 ตำแหน่ง ซึ่งในการเยือนสิงคโปร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ยืนยันว่า“รูปแบบการพัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรม VSIP คือตัวอย่างแห่งความร่วมมือในการลงทุนระหว่างสองประเทศที่เราควรขยายผลต่อไปเพื่อเป็นพื้นฐานให้นักลงทุนส่งเสริมผลประโยชน์ของแต่ละประเทศและเพื่อผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองประเทศบนหลักการแบ่งปันผลประโยชน์ อุปสรรคและความเสี่ยง”
ปัจจุบันนี้ ทั้งเวียดนามและสิงคโปร์ต่างเป็นสมาชิกของข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่ฉบับต่างๆ เช่น ข้อตกลงซีพีทีพีพีและข้อตกลง RCEP จากความตระหนักได้ดีเกี่ยวกับการสนับสนุนระหว่างกันของเศรษฐกิจสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายได้ผลักดันข้อตกลงเหล่านี้เพื่อขยายควมร่วมมือและมีส่วนร่วมต่อการฟื้นฟูเศษฐกิจของทั้งเวียดนามและสิงคโปร์ รวมไปถึงการฟื้นฟูของเศรษฐกิจภูมิภาค
ส่งเสริมความร่วมมือในหลายด้าน
ควบคู่กับการค้าและการลงทุน ความร่วมมือในด้านการศึกษาและฝึกอบรมแหล่งบุคลากรก็เป็นจุดเด่นของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ นาย เหงียนหิวโด๋ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาและฝึกอบรมเวียดนาม ซึ่งเป็นสมาชิกของคณะผู้แทนที่เดินทางไปเยือนประเทศสิงคโปร์ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้กล่าวว่า
“โครงการความร่วมมือนี้ได้ช่วยให้นักเรียนเวียดนามหลายคนรับทราบเกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์และได้รับทุนไปศึกษาที่สิงคโปร์ หวังว่า กระทรวงการศึกษาและฝึกอบรมระหว่างสองประเทศจะผลักดันการลงนามในข้อตกลงร่วมมือฉบับใหม่แทนข้อตกลงที่ได้ลงนามเมื่อปี 2017 อันเป็นการช่วยขยายความร่วมมือในด้านการศึกษา โดยเฉพาะการฝึกอบรมให้แก่ครูอาจารย์ การพัฒนากลไกการบริหารและธรรมาภิบาลในโรงเรียน รวมทั้งมีวิธีการเรียนการสอนตามแนวทางการเข้าถึงทักษะความสามารถของนักเรียน”
ในด้านกลาโหมและความมั่นคง เวียดนามและสิงคโปร์ได้ธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูง กลไกการสนทนาและความร่วมมือประจำปี ส่วนความร่วมมือด้านการเงิน ธนาคาร การศึกษาฝึกอบรมและสิ่งแวดล้อมก็ได้รับการกระชับ ในปี 2022 มีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์มาเที่ยวเวียดนามกว่า 134,000 คน และมีนักท่องเที่ยวเวียดนามไปเที่ยวสิงคโปร์กว่า 285,000 คน ซึ่งช่วยฟื้นฟูอุตสหกรรมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศและมีส่วนร่วมต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด -19
ปัจจุบันนี้ เวียดนามและสิงคโปร์กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดในองค์กรและฟอรั่มพหุภาคีต่างๆ เช่น สหประชาชาติ อาเซียนและเอเปก รวมไปถึงปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ ทั้งสองฝ่ายยังพยายามใช้ประโยชน์จากข้อตกลงซีพีทีพีพีและ RCEP เพื่อมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพต่อกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคหลังวิกฤตโควิด -19
ขยายความร่วมมือที่เต็มไปด้วยศักยภาพระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์
ในกระบวนการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สิงคโปร์มักจะแสวงหาแนวทางและวิธีการใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ เชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจของประเทศกับภูมิภาคและโลกและแสวงหาโอกาสต่าง ๆ ส่วนเวียดนามยืนหยัดปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่อิสระ พึ่งตนเอง สันติภาพ มิตรภาพ ร่วมมือและพัฒนา หลายรูปแบบหลายฝ่าย เป็นเพื่อนและหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ เป็นสมาชิกที่กระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบในประชาคมระหว่างประเทศและส่งเสริมการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึก ความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างผู้นำ ความเข้าใจและความคล้ายคลึงกันในด้านวัฒนธรรมระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศได้เอื้อประโยชน์ให้แก่ความสัมพันธ์เชื่อมโยงและความร่วมมืออย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศ เป็นพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อเปิดโอกาสขยายความสัมพันธ์ร่วมมือที่เอื้อประโยช์ระหว่างกันในด้านต่างๆ เช่น พลังงานหมุนเวียน ความมั่นคงทางไซเบอร์ สิ่งแวดล้อม การศึกษาและฝึกอบรม การพัฒนาแหล่งบุคลากร และขยายผลไปยังด้านที่สำคัญๆ ในยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล นวัตกรรมและเศรษฐกิจแห่งสีเขียว เป็นต้น
การเชื่อมโยงและร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาคือความต้องการของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – สิงคโปร์ในปัจจุบัน ดังนั้น การเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม บุ่ยแทงเซิน จะช่วยกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่กำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง คล่องตัวและรอบด้านระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.