ขยายความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไอซ์แลนด์
Anh Huyen - VOV5 -  
(VOVworld) – วันที่ 4 พฤศจิกายน นาย โอลาเฟอร์ แรกนาร์ กริมสัน ประธานาธิบดีไอซ์แลนด์และภรรยาได้เริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายนตามคำเชิญของท่านเจืองเติ๊นซาง ประธานประเทศเวียดนาม ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่สำคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคีและเปิดโอกาสให้แก่การใช้ประโยชน์ศักยภาพของความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างเต็มที่
(VOVworld) – วันที่ 4 พฤศจิกายน นาย โอลาเฟอร์ แรกนาร์ กริมสัน ประธานาธิบดีไอซ์แลนด์และภรรยาได้เริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายนตามคำเชิญของท่านเจืองเติ๊นซาง ประธานประเทศเวียดนาม ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่สำคัญในความสัมพันธ์ทวิภาคีและเปิดโอกาสให้แก่การใช้ประโยชน์ศักยภาพของความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างเต็มที่
ให้การต้อนรับตามรัฐพิธี
|
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นเกาะ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรอยู่ในระดับสูงที่สุดของโลกคือ 5 หมื่น 1 พันเหรียญสหรัฐต่อปี การขยายตัวทางเศรษฐกิจมากเป็นอันดับต้นๆของโลกติดต่อกันเป็นเวลานานได้ช่วยให้ไอซ์แลนด์พัฒนาจากประเทศที่มีรายได้ต่ำของยุโรปเป็นประเทศอุตสาหกรรมพัฒนา ซึ่งเป็นแบบอย่างให้แก่บรรดาประเทศที่กำลังพัฒนาวิจัยและศึกษาปฏิบัติตาม ในฐานะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามและไอซ์แลนด์มีศักยภาพและโอกาสความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนเป็นอย่างมาก
ความสัมพันธ์ทวิภาคีพัฒนาอย่างดีงาม
เวียดนามและไอซ์แลนด์ได้รักษาความสัมพันธ์มิตรภาพที่ดีงามนับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 1973 และกำลังมีความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างกระตือรือร้น การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงระหว่างสองประเทศนั้นอาทิเช่นการเยือนไอซ์แลนด์ของนายกรัฐมนตรีหวอวันเกียดเมื่อเดือนมิถุนายนปี 1995 การเยือนของนายกรัฐมนตรีฟานวันขายเมื่อเดือนกันยายนปี 2002 และการเยือนของรองนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันหว่างจุงหายเมื่อเดือนกันยายนปี 2011 ส่วนเมื่อเดือนเมษายนปี 2002 นายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์ก็ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการเวียดนามและไอซ์แลนด์ได้ลงนามในข้อตกลงการเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อน ข้อตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนและข้อตกลงการขนส่งทางอากาศ แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างเวียดนามกับไอซ์แลนด์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เวียดนามส่งออกผลิตภัณฑ์ต่างๆไปยังไอซ์แลนด์ เช่น เครื่องเฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ผักและผลไม้ เป็นต้น ส่วนไอซ์แลนด์ส่งออกสัตว์น้ำและเครื่องจักรมายังเวียดนาม ซึ่งปริมาณการส่งออกยังอยู่ในระดับต่ำ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนเมื่อปี 2014 บรรลุ 6 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นแต่ใน 6 เดือนแรกของปี 2015 ได้บรรลุ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น ศักยภาพของแต่ละประเทศและความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเวียดนามกับไอซ์แลนด์ยังคงมีอยู่มาก
ในความร่วมมือเพื่อการพัฒนา เวียดนามเป็น 1 ใน 9 ประเทศที่ได้รับเงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาหรือโอดีเอของไอซ์แลนด์ เมื่อปี 2005 ไอซ์แลนด์ได้ให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินโอดีเอให้แก่เวียดนาม 3.5 ล้านยูโรต่อปีและซึ่งในปีหลังๆมักจะมากกว่าปีก่อนๆโดยเน้นถึงด้านที่เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆคือ การแก้ปัญหาความยากจน สาธารณสุข การยกระดับทักษะความสามารถของระบบสถาบัน พัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน ปรับปรุงระเบียบบริหารราชการและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ในการป้องกันประเทศ ทั้งสองฝ่ายกำลังปฏิบัติแผนความร่วมมือในการแก้ไขผลเสียหายจากกับระเบิดและวัตถุระเบิดที่หลงเหลือหลังสงคราม ร่วมมือแก้ไขผลเสียหายจากสารพิษสีส้มและการกู้ภัย
ศักยภาพความร่วมมือที่มากมาย
เวียดนามและบรรดาประเทศในสมาคมการค้าเสรียุโรปหรือ EFTA รวมทั้งไอซ์แลนด์กำลังเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีและพยายามเสร็จสิ้นภายในปี 2015 ปัจจุบันเวียดนามและไอซ์แลนด์ได้ลงนามข้อตกลงการเลี่ยงการเก็บภาษีซ้ำซ้อน ประกาศผลประโยชน์ที่สนับสนุนกันในด้านการค้าระหว่างเวียดนามกับไอซ์แลนด์ ข้อตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนและข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศ นอกจากนี้ไอซ์แลนด์ได้อนุมัติโครงการร่วมมือกับเวียดนามเกี่ยวกับสัตว์น้ำ โดยรับเจ้าหน้าที่เวียดนามไปศึกษาในโรงเรียนการประมงของสหประชาชาติในไอซ์แลนด์ ส่งผู้เชี่ยวชาญไปยังประเทศเวียดนามเพื่อเปิดการสัมมนาและการฝึกอบรม เป็นต้น นี่เป็นพื้นฐานทางนิตินัยสำคัญให้ทั้งสองฝ่ายผลักดันความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ส่วนชาวเวียดนามที่กำลังพำนักอาศัยในไอซ์แลนด์มีประมาณ 1 พันคน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกรุงเรคยาวิก มีชีวิตความเป็นอยู่และงานทำที่มั่นคงและเคารพกฎหมาย มีความสัมพันธ์อันดีงามกับทางการปกครองและประชาชนไอซ์แลนด์ ตระหนักได้ดีเกี่ยวกับการรักษาประเพณีและเอกลักษณ์วัฒนธรรมของประชาชาติและมุ่งใจสู่ปิตุภูมิและพวกเขายังเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญให้เวียดนามและไอซ์แลนด์ขยายความร่วมมือในทุกด้านในเวลาข้างหน้า
บนพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์อันดีงามนั้น การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีไอซ์แลนด์ โอลาเฟอร์ แรกนาร์ กริมสัน เป็นโอกาสที่ดีเพื่อให้ทั้งสองประเทศผลักดันการใช้จุดแข็งและศักยภาพแห่งความร่วมมือ อำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการของทั้งสองฝ่ายแสวงหาโอกาสประกอบธุรกิจ ผลักดันให้การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสมาคมการค้าเสรียุโรปหรือ EFTA ที่ไอซ์แลนด์เป็นสมาชิกให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับปัญหาภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีไอซ์แลน์ก็จะผลักดันความร่วมมืออย่างจริงจังและเอื้อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชนทั้งสองประเทศ.
Anh Huyen - VOV5