(VOVWORLD) - การสัมมนาภายใต้หัวข้อ “นโยบายและแหล่งพลังสำหรับการพัฒนาสถาบันวัฒนธรรมและการกีฬา” ได้มีขึ้น ณ จังหวัดกว๋างนิงห์เมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมา โดยมีผู้แทนจากองค์กรในสัดส่วนของสภาแห่งชาติ กระทรวง หน่วยงาน ท้องถิ่น นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารกว่า 300 คนเข้าร่วม ซึ่งเน้นหารือเกี่ยวกับปัญหาที่ร้อนระอุและสำคัญๆ เพื่อแปรแนวทางต่างๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเกี่ยวกับการพัฒนาวัฒนธรรมและการกีฬาให้เป็นรูปธรรม
ภาพการสัมมนา (dangcongsan.vn) |
การสัมมนาได้นำเสนอหลักการเชิงวิชาการที่สนับสนุนกระบวนการจัดทำกฎหมายและตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายของสภาแห่งชาติในด้านที่สำคัญที่ต้องได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ในการพัฒนาของเวียดนาม
แปรแนวทางเกี่ยวกับสิทธิการได้รับผลประโยชน์จากการเข้าถึงคุณค่าทางวัฒนธรรม
หลังการเปลี่ยนแปลงใหม่เป็นเวลาเกือบ 40 ปี จากเดิมที่สถาบันทางวัฒนธรรมและกีฬาได้รับการจัดทำแบบเฉพาะด้านไม่มีการเชื่อมต่อสอดคล้องกับระบบสถาบันอื่นๆในสังคม มาจนถึงขณะนี้ เวียดนามสามารถสร้างสรรค์สถาบันทางวัฒนธรรมและการกีฬาที่ค่อนข้างสมบูรณ์และครอบคลุม ทั้งในระดับส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น เขตตัวเมือง เขตชนบท เขตทุรกันดานห่างไกลความเจริญ เขตชายแดนและเกาะแก่ง โดยสภาแห่งชาติ รัฐบาล กระทรวงและสำนักงานที่เกี่ยวข้องได้แปรแนวทางใหญ่ๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและกฎหมายของรัฐเกี่ยวกับสิทธิการได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงคุณค่าวัฒนธรรมของประชาชนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ปัจจุบันนี้ การวางผังเครือข่ายวัฒนธรรมและการกีฬาระยะปี 2021-2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2045 ได้ถูกเสนอให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาประกาศ โดยมีการเสริมเพิ่มเติมและสอดแทรกเข้าในระบบการวางผังของหน่วยงานวัฒนธรรมและการกีฬา รวมทั้งการวางผังระดับประเทศ ระดับเขตและระดับจังหวัด ถึงขณะนี้ ทั่วประเทศ มี 42 จังหวัดและนครที่ได้วางผังด้านที่ดินสำหรับใช้สร้างสถาบันวัฒนธรรมและการกีฬา
ส่วนระบบห้องสมุด ศูนย์จัดแสดงวัฒนธรรมและศิลปะ พิพิธภัณฑ์ โรงหนัง ศูนย์ฝึกกีฬาและห้องออกกำลังกาย เป็นต้น ได้รับการก่อสร้างอย่างโอ่โถง และใกล้เคียงมาตรฐานสากลมากขึ้น โดยจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เวียดนามมีสถาบันวัฒนธรรมระดับจังหวัด 66 แห่ง ส่วนตามเขตและอำเภอร้อยละ 98 มีศูนย์วัฒนธรรม – การกีฬาหรือหอวัฒนธรรม ตำบลและแขวงเกือบร้อยละ 78 มีศูนย์วัฒนธรรม – การกีฬา
ประเด็นหลักที่ได้รับความสนใจในนโยบายและแหล่งพลังในเวลาที่จะถึง
สถาบันวัฒนธรรมและการกีฬาควรถูกถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของสถาบันที่เกี่ยวข้องถึงโครงสร้างสังคม โดยในเวลาที่จะถึง เวียดนามจะเน้นถึง 5 กลุ่มปัญหาเพื่อพัฒนาสถาบันวัฒนธรรมและการกีฬาให้ตอบสนองความต้องการในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก สำหรับนโยบายในเวลาที่จะถึง นาย เจิ่นแทงเหมิน รองประธานสภาพแห่งชาติได้เผยว่า
“พิจารณาการปรับปรุงนโยบายลงทุนพัฒนาและปฏิบัติระบบสถาบันวัฒนธรรมและการกีฬา รวมทั้งนโยบายการลงทุนภาครัฐ การลงทุนแบบร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนและการเข้าร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม นโยบายให้สิทธิพิเศษและสนับสนุนการลงทุน โดยเฉพาะในด้านที่ดิน ภาษีและสินเชื่อในการก่อสร้างสถาบันเหล่านี้ให้มีความสมบูรณ์เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจทุกภาคส่วนสามารถเข้าร่วมการลงทุนในด้านนี้ได้”
การวางผังสถาบันวัฒนธรรมและการกีฬาจะได้รับการปรับปรุงตามแนวทางที่พร้อมเพรียง ทันสมัย เป็นอัตลักษณ์ มีประสิทธิภาพ ค้ำประกันความยุติธรรมและตอบสนองความต้องการของประชาชน ส่วนที่ดินที่ใช้สำหรับการก่อสร้างสถาบันเหล่านี้ก็ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์จริง ช่วยให้เยาวชน เด็กๆ ผู้ใช้แรงงาน ผู้พิการและผู้สูงอายุสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ การจัดทำนโยบายให้สิทธิพิเศษสำหรับเขตเขา หมู่เกาะ ชายแดน เขตที่ห่างไกลความเจริญและเขตชนกลุ่มน้อยก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีการเพิ่มงบประมาณแผ่นดินให้แก่การพัฒนาวัฒนธรรม โดยเฉพาะสถาบันวัฒนธรรมและการกีฬา
การให้ความสำคัญต่อนโยบายและแหล่งพลังสำหรับการพัฒนาสถาบันวัฒนธรรมและการกีฬาไม่เพียงแต่ช่วยค้ำประกันสิทธิผลประโยชน์และการเข้าถึงคุณค่าวัฒนธรรมและการกีฬาของประชาชนเท่านั้น หากยังเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศอีกด้วย.