(VOVworld) –  เมื่อเร็วๆนี้ รัฐสภาฝรั่งเศสได้อนุมัติมติรับรองปาเลสไตน์เป็นประเทศที่อิสระ อย่างเป็นทางการ เป็นอันว่า นอกจากสวีเดน อังกฤษ ไอร์แลนด์และสเปน ฝรั่งเศสคือประเทศยุโรปตะวันตกลำดัยที่๕ที่สนับสนุนปาเลสไตน์จัดตั้งรัฐของตนเอง ในสภาวการณ์ที่การเจรจาต่างๆเพื่อแสวงหามาตรการสองรัฐระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ตกเข้าสู่ความชะงักงัน นับวันมีประเทศที่สนับสนุนความพยายามจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์มากขึ้นซึ่งถือเป็นวิธีการหนึ่งเพื่อผลักดันกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง

รัฐสภาฝรั่งเศสอนุมัติมติรับรองปาเลสไตน์เป็นประเทศที่อิสระ อย่างเป็นทางการ(Photo: EPA)

ด้วยเสียงสนับสนุน๓๓๙เสียง คัดค้าน๑๕๑เสียงและงดออกเสียง๑๖เสียง เมื่อวันที่๒เดือนนี้ รัฐสภาฝรั่งเศสได้อนุมัติมติเสนอให้รัฐบาลฝรั่งเศสรับรองรัฐปาเลสไตน์เพื่อบรรลุมาตรการสุดท้ายให้แก่การพิพาทระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลที่ยืดเยื้อในหลายทศวรรษที่ผ่านมา แม้ว่านี่เป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อยุทธศาสตร์การทูตของฝรั่งเศสทันทีแต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นอีกครั้งถึงการขาดความอดกลั้นที่นับวันเพิ่มขึ้นของโลก โดยเฉพาะ ยุโรปต่อกระบวนการสันติภาพที่กำลังถูกชะงักงัน

ประชาคมระหว่างประเทศร่วมกันปฏิบัติเพื่อสันติภาพ

ก่อนการลงคะแนน นายลอแรนท์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสได้กล่าวว่า จากสภาพการณ์ในปัจจุบันที่ฉนวนกาซายังไม่มุ่งสู่กระบวนการสันติภาพ ดังนั้น ฝรั่งเศสจึงมีความประสงค์ที่จะรับรองรัฐปาเลสไตน์ที่อิสระโดยไม่ผ่านการเจรจา ก่อนหน้านั้น ในการเยือนฉนวนกาซา นางเฟเดริกา โมเกรินี ตัวแทนระดับสูงของสหภาพยุโรปหรืออียูฝ่ายนโยบายความมั่นคงและต่างประเทศได้แสดงทัศนะว่า ไม่เพียงแต่ประชาชนในฉนวนกาซาเท่านั้นหากทั้งโลกต่างไม่มีความประสงค์ว่า การสู้รบในเขตนี้ดำเนินต่อไป ถึงเวลาแล้วที่โลกจะไม่แค่นั่งรอคอยเท่านั้นหากต้องมีปฏิบัติการเพราะไม่เช่นนั้น การพิพาทอาจจะยืดเยื้อยาวไปอีก๔๐ปี  ส่วนนายบันคีมูนเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติยอมรับว่า ความล้มเหลวในการผลักดันมาตรการทางการเมืองให้แก่การพิพาทระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ทำให้รัฐบาลและรัฐสภาประเทศต่างๆต้องมีปฏิบัติการเพื่อรับรองรัฐปาเลสไตน์

นับตั้งแต่ข้อตกลงออสโลได้รับการลงนามเมื่อ๒๐ปีก่อนมาจนถึงปัจจุบัน ทุกความพยายามเพื่อสร้างสันติภาพให้แก่ภูมิภาคนี้ล้วนไม่ประสบผลสำเร็จใดๆ ภายหลังความล้มเหลวของความคิดสร้างสรรค์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาโดยสหรัฐอุปถัมภ์พร้อมกับความพยายามมากมาย สถานการณ์ก็ยังคงเลวร้ายลงซึ่งทำให้ประชาคมระหว่างประเทศตระหนักได้ดีว่า ปัจจุบัน ความหวังเกี่ยวกับสันติภาพในตะวันออกกลางกำลังถูกคุกคามยิ่งกว่าเวลาใดทั้งหมดและการสนทนาเพียงลำพังฝ่ายเดียวแสดงให้เห็นว่า เป็นมาตรการที่ขาดประสิทธิภาพและโลกต้องหาวิธีการปฏิบัติอื่น

วิธีการเข้าถึงใหม่เพื่อผลักดันมาตรการสองรัฐ

นับแต่ก่อนมา ทางการปาเลสไตน์พยายามแสวงหาฐานะรัฐต่อฝั่งตะวันตกและฉนวนกาซาอยู่เสมอและมีความประสงค์ที่จะตั้งนครหลวง ณ เยรูซาเล็มตะวันออกโดยเมื่อปี๒๐๑๒ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองบทบาทรัฐผู้สังเกตการณ์ที่มิใช่สมาชิกของปาเลสไตน์และนับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่แทบทุกประเทศกำลังพัฒนาต่างรับรองรัฐปาเลสไตน์ แต่ประเทศยุโรปตะวันตกที่สนับสนุนสหรัฐกลับเห็นว่า รัฐปาเลสไตน์ที่อิสระต้องได้รับการสร้างสรรค์บนพื้นฐานของการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล แต่หลังความพยายามล่าสุดของสหรัฐเพื่อรื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่ประสบความล้มเหลว บรรดาประเทศยุโรปนับวันแสดงให้เห็นถึงการขาดความอดกลั้นต่อนโยบายต่างๆของอิสราเอล  นอกจาก๗ประเทศอียูในตะวันออกยุโรปคือบัลแกเรีย สาธารณรัฐไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี มอลตา โปแลนด์และโรมาเนียที่รับรองรัฐปาเลสไตน์แล้ว การที่๕ประเทศยุโรปตะวันตกหันมาสนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์แสดงให้เห็นถึงความผิดหวังต่อความล้มเหลวของกระบวนการสันติภาพและไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากความเด็ดขาด

ปัจจุบัน ฝรั่งเศสกำลังพิจารณาถึงข้อเสนอของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการอนุมัติมติเปิดทางให้แก่การแก้ไขการพิพาทระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์เป็นเวลา๒ปี ที่เป็นรูปธรรมคือ ประเทศนี้จะเสนอให้จัดตั้งการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับสันติภาพในตะวันออกกลางและระดมบรรดาประเทศสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประเทศอียูและประเทศสันนิบาตอาหรับเข้าร่วมบนเจตนารมณ์มุ่งสู่สันติภาพในระยะยาวโดยอาศัยการคงอยู่ของสองรัฐที่มีอธิปไตย มีประชาธิปไตยที่คงอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีความมั่นคงโดยอาศัยตามแนวชายแดนที่ได้กำหนดไว้เมื่อปี๑๙๖๗

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รายชื่อประเทศรับรองรัฐปาเลสไตน์ที่กำลังเพิ่มขึ้นได้นำสัญญาณที่น่ายินดีมาให้แก่ปัญหาที่คั่งค้างอยู่ในหลายปีที่ผ่านมาในชีวิตทางการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศ การพิพาทที่ยืดเยื้อในเขตตะวันออกกลางไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนที่นี่กลายเป็นผู้ประสบเคราะห์ที่ลำบากยากเข็ญที่สุดในโลกเท่านั้นหากยังส่งผลกระทบในทางลบต่อความมั่นคงของทั้งภูมิภาคอีกด้วย และแน่น่อนว่า ปัจจุบัน สหรัฐซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของอิสราเอลจะต้องแสวงหาการเข้าถึงอื่นให้แก่การพิพาทระหว่างเยรูซาเล็มกับรามัลเลาะห์ แม้การสนับสนุนรัฐปาเลสไตน์ของบรรดาประเทศยุโรปถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในเบื้องต้นแต่กลับมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่า ถ้าความพยายามเจรจาสันติภาพถูกทำลายเพราะนโยบายที่เป็นอริและขาดเจตนาดี แรงกดดันของทั้งประชาคมระหว่างประเทศก็จะเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางไปสู่จุดหมายปลายทาง./.