ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในสถานการณ์ใหม่

(VOVWORLD) - บนพื้นฐานของผลงานด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนในภูมิภาคต่างๆและเศรษฐกิจใหญ่ๆของโลกในไตรมาสแรกของปีนี้ สถาบันการเงินและเศรษฐกิจระหว่างประเทศหลายแห่งได้ปรับการคาดการณ์และศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนของประเทศต่าง ๆ โดยแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจโลกกำลังมีสัญญาณที่น่ายินดี แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายที่น่ากังวล
ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในสถานการณ์ใหม่ - ảnh 1สำนักงานธนาคารโลกประจำกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ (Photo:  AFP/TTXVN)

ในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน ธนาคารโลกหรือ WB กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียหรือ ADB และ องค์การการค้าโลกหรือ WTO ได้เผยแพร่รายงานและการคาดการณ์เกี่ยวกับศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีต่อๆไป โดยนอกจากสัญญาณที่น่ายินดีในภูมิภาคและเศรษฐกิจใหญ่ๆแล้ว สถาบันการเงินและผู้เชี่ยวชาญก็เตือนว่า ความท้าทายและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก

สัญญาณที่น่ายินดีของเศรษฐกิจโลก

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียหรือ ADB ได้เผยแพร่รายงานที่เพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจกำลังพัฒนาในเอเชียในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการที่จีนผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 และเปิดประเทศอีกครั้ง ทำให้ ADB คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียปีนี้จะเติบโตที่ร้อยละ 4.8  ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วที่ร้อยละ 4.6   ส่วนประเทศจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและใหญ่เป็นอันดับสองของโลกจะเติบโตที่ร้อยละ 5 ในปีนี้ สูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3

ในวันเดียวกัน ธนาคารโลกหรือ WB ยังเผยแพร่รายงานที่มีการเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ของภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนที่ ร้อยละ1.4เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับตัวเลขที่เผยแพร่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บรรดาผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลกกล่าวว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ได้ฟื้นตัวจนถึงระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และคาดการณ์ว่า การขยายตัวจีดีพีของลาตินอเมริกาในปี 2024 และ 2025 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.4

ส่วนที่ยุโรป เยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรปหรืออียูได้รับการคาดการณ์ว่า จะเติบโตในปีนี้ถึงแม้ว่าจะยังต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะ ในการคาดการณ์ร่วมกันจัดทำที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 เมษายน สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำของเยอรมนี ได้แก่ สถาบัน Ifo สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ Leibniz สถาบันเศรษฐกิจโลก Kiel และสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ RWI ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีจะเติบโตที่ร้อยละ 0.3 ในปีนี้ และในปี 2024 การขยายตัวจีดีพีของเยอรมนีจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.5  ก่อนหน้านั้น ในการคาดการณ์เมื่อปลายปีที่แล้ว ผลการวิจัยดังกล่าวได้แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะหดตัวโดยติดลบร้อยละ 0.4 ในปีนี้

ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญและสถาบันการเงินและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สัญญาณในเชิงบวกในภูมิภาคต่างๆและเศรษฐกิจใหญ่ๆ เป็นแรงผลักดันที่สำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจและสถานประกอบการส่งเสริมกิจกรรมการค้าและการลงทุนทั่วโลก เพิ่มโอกาสฟื้นฟูการเติบโต แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ความเสี่ยงและความท้าทายต่อการฟื้นตัวและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง

ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในสถานการณ์ใหม่ - ảnh 2กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (Photo:  Reuters)

เฝ้าติดตามความเสี่ยงและความท้าทายต่อไป

ตามรายงานของธนาคารโลกที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 เมษายน การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคทะเลทรายซาฮาราของแอฟริกาจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 3.1  ในปีนี้ จากร้อยละ 3.6 ในปีที่แล้ว การเติบโตของภูมิภาคนี้จะยังคงอ่อนแอเนื่องจากความไม่มั่นคงของเศรษฐกิจโลก การขาดประสิทธิภาพของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของทวีป อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงและการเติบโตของการลงทุนลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน สำหรับภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ธนาคารโลกแสดงความเห็นว่า การผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกของภูมิภาคนี้ยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก บวกกับข้อจำกัดหลายข้อในการส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและบริการ เช่นเดียวกับรายงานของ WB ในรายงานล่าสุดของ ADB ได้เตือนว่า การปะทะในยูเครนจะทำให้ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงขึ้นจนนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบใหม่ และส่งผลกระทบในทางลบต่อการเติบโตและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ที่น่าสนใจคือ ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 เมษายนของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ การขาดดุลการค้าของสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่สหรัฐขาดดุลการค้า การขาดดุลการค้าที่ยืดเยื้อไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐเท่านั้น หากยังส่งผลกระทบในทางลบเป็นวงกว้างอีกด้วย โดยสำหรับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรปคือเยอรมนี ถึงแม้ว่า การขยายตัวจีดีพีจะถูกคาดการณ์ว่าเติบโตในเชิงบวก คือร้อยละ0.3 ในปีนี้ แต่อัตราเงินเฟ้อก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงคือประมาณร้อยละ 6.0 ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับร้อยละ 6.9 ของปีที่แล้ว สถานการณ์ที่เป็นจริงนี้ได้สร้างแรงกดดันเป็นอย่างมากต่อการเติบโต เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจะต้องอยู่ในระดับสูง จนทำให้ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสถานประกอบการและประชาชนลดลง

ในสภาวการณ์ดังกล่าว ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 เมษายน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ได้เตือนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและผลที่ตามมาคือความแตกแยกของเศรษฐกิจโลกจะทำให้ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินเพิ่มมากขึ้น การลงทุนจากต่างประเทศและราคาสินทรัพย์ลดลง ระบบการชำระเงินและความสามารถในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารก็ลดลง  นอกจากนี้ การบังคับใช้ข้อจำกัดทางการเงิน ความไร้เสถียรภาพที่เพิ่มขึ้นและการถอนทุนของนักลงทุนต่างประเทศเนื่องจากความกังวลต่อความเสี่ยงต่างๆอาจส่งผลในทางลบต่อความสามารถในการชำระหนี้และทำให้ค่าใช้จ่ายของธนาคารเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ธนาคารต้องลดการปล่อยเงินกู้ จนส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางการเงิน ทั้งนี้เพื่อจำกัดความเสี่ยง IMF เชื่อว่า นักวางนโยบายควรเสริมสร้างกลไกการรับมือวิกฤตผ่านการประสานงานระหว่างหน่วยงานระดับส่วนกลางกับหน่วยงานระดับท้องถิ่น เศรษฐกิจต่างๆควรเสริมสร้างเครือข่ายความปลอดภัยในระดับภูมิภาคผ่านระบบแลกเปลี่ยนเงินตราหรือสินเชื่อสำรองจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เช่น IMF อีกทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งในการสำรองเงินตราต่างประเทศ เงินทุนและสภาพคล่องของสถาบันการเงิน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด