(VOVworld)- นับตั้งแต่ปี2014 ที่เวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระ3ปีอย่างเป็นทางการมาจนถึงขณะนี้ ภารกิจในสภาฯก็ได้เสร็จสิ้นไปแล้วกว่าครึ่งวาระและเวียดนามสามารถยืนยันบทบาทและภาพลักษณ์ของตนในเวทีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งได้รับการยอมรับและชื่นชมจากนานาประเทศ ในโอกาสการที่ประชุมระดับสูงครั้งที่31สภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเพิ่งเสร็จสิ้นลง ณ นครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐ ทางรายการขอเสนอบทวิเคราะห์ของนักข่าววิทยุเวียดนามที่ทบทวนเส้นทาง2ปีที่เวียดนามรับหน้าที่เป็นสมาชิกของสภาฯ

การประชุมของสภาสิทธิมนุษยชน(photo: VNA)

ถึงแม้เป็นครั้งแรกที่รับหน้าที่สมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แต่เวียดนามก็สามารถพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเวียดนามเป็นสมาชิกที่เข้มแข็ง เป็นฝ่ายรุกและมีความรับผิดชอบของสภาสิทธิมนุษยชน โดยร่วมกับประเทศสมาชิกอื่นๆทำการแก้ไขความท้าทายร่วมของมนุษยชาติเกี่ยวกับสิทธิต่างๆของมนุษย์

สมาชิกที่เข้มแข็งและมีความรับผิดชอบ

ในการประชุมนับร้อยครั้งเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิต่างๆของมนุษย์ เวียดนามได้แสดงความเห็นต่อประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งสิทธิในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การพัฒนา การศึกษา สาธารณสุขไปจนถึงสิทธิการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพด้านการสื่อสารมวลชน พร้อมทั้งได้มีส่วนร่วมที่เป็นรูปธรรมในกระบวนการร่างมติและการตัดสินใจของสภาสิทธิมนุษยชนตามแนวทางให้การสนับสนุนการเข้าถึงปัญหานี้อย่างรอบด้านและตอบสนองความปรารถนาและผลประโยชน์ของหลายฝ่ายเพื่อสร้างความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ทุกปีเวียดนามได้ส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของสภาโดยถือเป็นโอกาสเพื่อยืนยันสาส์นเกี่ยวกับการปกป้องและผลักดันการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนในเวียดนามเช่นเดียวกับการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาต่างๆเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในทั่วโลกด้วยความรับผิดชอบสูง ผ่านกิจกรรมต่างๆในกรอบของเวทีนี้ เวียดนามได้เสนอแนวทางนโยบายและความสนใจพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ เรียกการสนับสนุนจากนานาประเทศเพื่อภารกิจการค้ำประกันสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม

ภาพลักษณ์ของเวียดนามซึ่งเป็นประเทศสมาชิกที่เข้มแข็งยังได้สะท้อนให้เห็นผ่านการปฏิบัติระเบียบการตรวจสอบประจำหรือยูพีอาร์อย่างจริงจัง ซึ่งนับเป็นกลไกการปฏิบัติที่สำคัญของสภาฯและเวียดนามก็ได้รับการชื่นชมจากสหประชาชาติเนื่องจากได้ให้ความร่วมมือปฏิบัติในทุกขั้นตอนในกระบวนการตรวจสอบสถานการณ์สิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะการปฏิบัติคำมั่นระหว่างประเทศต่างๆที่เวียดนามได้ลงนามอย่างจริงจัง

เชิดชูกระบวนการสนทนาและความร่วมมือ

ต่อสถานการณ์ที่ซับซ้อนของโลก สภาสิทธิมนุษยชนต้องแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนและมีลักษณะละเอียดอ่อนจำนวนมาก ดังนั้นในฐานะสมาชิกเวียดนามได้เชิดชูทัศนะแห่งการสนทนาและความร่วมมือ พยายามร่วมกันเพื่อเป้าหมายผลักดันและค้ำประกันสิทธิของมนุษย์บนพื้นฐานการแลกเปลี่ยนและให้ความเคารพกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการประยุกต์การปฏิบัติกลไกต่างๆของสภาฯอย่างเข้มแข็งในสองปีที่ปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนั้นในที่ประชุมต่างๆเวียดนามยังได้เรียกร้องจิตใจแห่งการสนทนาและความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในกระบวนการแก้ไขปัญหาโดยถือว่าก่อนอื่นนั้นการค้ำประกันสิทธิของมนุษย์คือหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละชาติโดยพลเมืองของประเทศนั้นๆคือผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการปกป้องสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศของพวกเขา  ซึ่งสภาสิทธิมนุษยชนและกลไกสหประชาชาติต้องสร้างบรรยากาศที่สะดวกให้แก่ภารกิจนี้

การสนทนาและความร่วมมือก็ได้เปิดโอกาสให้เวียดนามมีส่วนร่วมในประเด็นต่างๆที่ทั้งภูมิภาคและประเทศกำลังพัฒนาให้ความสนใจ เช่นสิทธิในการพัฒนา การต่อต้านการใช้ความรุนแรงและเลือกปฏิบัติ การต่อต้านการค้ามนุษย์ ค้ำประกันสิทธิของเด็ก สตรีและคนพิการ เป็นต้น โดยจนถึงปัจจุบันเวียดนามได้มีส่วนร่วมในการร่างมติกว่า30ฉบับในประเด็นต่างๆดังกล่าว

ส่งเสริมบทบาทสถานะของเวียดนาม

ควบคู่กับการมีบทบาทที่เข้มแข็งในฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลกต่างๆ การที่เวียดนามได้เข้าร่วมสภาสิทธิมนุษยชนได้เป็นการยืนยันถึงการพัฒนาเติบโตของการทูตพหุภาคีพร้อมทั้งสะท้อนภาพลักษณ์และสถานะใหม่ของเวียดนามบนเวทีโลก โดยการเข้าร่วมภารกิจสากลต่างๆอย่างมีความรับผิดชอบและจริงจังบนเจตนารมณ์แห่งการสนทนาและความร่วมมือได้ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของเวียดนามที่เป็นมิตร เป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจของประเทศต่างๆ และตลอดสองปีที่ผ่านมาเวียดนามได้สร้างสรรค์ความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับ46ประเทศสมาชิกของสภาฯรวมทั้งประเทศผู้สังเกตุการณ์ในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งทั้งนี้สามารถยืนยันได้ว่าสถานะของเวียดนามได้เปลี่ยนจากการ “เข้าร่วม” มาเป็นการ “มีส่วนร่วม”ที่เป็นรูปธรรมในภารกิจของสภาสิทธิมนุษยชน

2/3เส้นทางการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาฯได้ผ่านไปแต่ภารกิจต่างๆที่เต็มไปด้วยอุปสรรคความท้าทายยังรออยู่ข้างหน้า แต่เวียดนามสามารถยืนยันได้ว่าการเข้าเป็นสมาชิกของสภาฯคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะไม่เพียงแต่จะสร้างโอกาสให้แก่การปกป้องผลประโยชน์ของชาติให้ดียิ่งขึ้นเท่านั้นหากยังเป็นการมีส่วนร่วมผลักดันภาพลักษณ์และสถานะของประเทศผ่านงานด้านการทูตอีกด้วย รวมทั้งการทูตเพื่อสิทธิมนุษยชน บนพื้นฐานนี้เวียดนามจะพยายามยิ่งขึ้นเพื่อมีส่วนร่วมในช่วงปีสุดท้ายของวาระสมาชิกสภาฯต่อไปเพื่อยืนยันสถานะใหม่ของเวียดนาม สมาชิกที่เข้มแข็ง มีความรับผิดชอบและกำลังก้าวไปข้างหน้าเพื่อชีวิตที่มั่งคั่งและผาสุกของประชาชนทุกคน.