(VOVWORLD) - ความสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ได้สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อส่งเสริมการพัฒนาในเดือนต่อ ๆ ไป ในสภาวการณ์ดังกล่าว กระทรวงและหน่วยงานต่างๆได้ปฏิบัติมาตรการเพื่อสร้างแรงผลักดันและส่งเสริมความได้เปรียบเพื่อมีส่วนร่วมต่อการบรรลุเป้าหมายการเติบโต
(Photo: VTV) |
ในเวลาที่จะถึง คาดว่า สถานการณ์โลกจะยังคงมีความผันผวนอย่างซับซ้อนและคาดเดาไม่ได้ ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมเพิ่มมากขึ้น ความยากลำบากและความท้าทายมีมากกว่าโอกาสและความได้เปรียบ ราคาน้ำมันดิบและอาหารมีความผันผวนอย่างมากและห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยแล้ง ปัญหาน้ำทะเลหนุนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็ส่งผลกระทบในทางลบมากขึ้น
ส่งเสริมการเติบโตของสินเชื่อและการจัดสรรเงินทุนให้แก่เศรษฐกิจ
การจัดสรรเงินทุนให้แก่เศรษฐกิจถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ในปีนี้ ธนาคารกลางเวียดนามได้เป็นฝ่ายรุกในการปฏิบัติกลไกใหม่ๆ เพื่อจัดการสินเชื่อ โดยเฉพาะ ตั้งแต่ต้นปีนี้ ได้ปล่อยสินเชื่อร้อยละ 15 ให้แก่สถาบันการเงินต่าง ๆ นอกจากนั้น ธนาคารกลางเวียดนามยังคงชี้นำการจัดสรรสินเชื่อให้แก่การผลิต การประกอบธุรกิจ ด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆและพลังขับเคลื่อนแห่งการเติบโต รวมทั้ง การลงทุน การบริโภคและการส่งออกตามแนวทางของรัฐบาล บริหารสินเชื่อในด้านที่อาจมีความเสี่ยงอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการขยายสินเชื่อบริโภคควบคู่กับการควบคุมความปลอดภัย นาย ด่าวมิงตู๊ รองผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม เผยว่า
“ในปีนี้ ธนาคารกลางนอกจากเปลี่ยนแปลงกลไกการดำเนินงาน กิจกรรมสินเชื่อ การจัดสรรปันส่วน อำนวยความสะดวกให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในการอัดฉีดเงินให้แก่เศรษฐกิจ สถานประกอบการและประชาชนในเชิงรุกแล้ว ก็ยังคงนโยบายขยายระยะเวลาการชำระหนี้และดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่สถานประกอบการที่กำลังประสบอุปสรรคอีกด้วย เราจะวิจัยการขยายการใช้นโยบายนี้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม”
ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ธนาคารกลางได้สั่งให้องค์กรสินเชื่อปรับปรุงข้อกำหหนดการปล่อยสินเชื่อเพื่อเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้า เน้นผลักดันการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลในกระบวนการสินเชื่อเพื่อเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนและประสัมพันธ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารให้ทั่วถึงมากขึ้น
นาย ฝุ่งดึ๊กเตี๊ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบท |
สร้างแรงผลักดันให้แก่แหล่งพลังต่างๆและส่งเสริมความได้เปรียบที่กำลังมีอยู่
ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และสัตว์น้ำบรรลุเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้นด้านปริมาณเท่านั้น หากราคาสินค้าเกษตรหลายรายการยังอยู่ในระดับสูงอีกด้วย ซึ่งมีส่วนร่วมที่สำคัญต่อเป้าหมายการส่งออกของภาคการเกษตรและการพัฒนาชนบทที่ได้วางไว้ในปีนี้คือ 5 หมื่น 4 พันถึง 5 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อธำรงอัตราการเติบโต ตลอดจนมูลค่าของสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก กระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทจะเน้นถึงการส่งเสริมการค้าและการขยายตลาด นาย ฝุ่งดึ๊กเตี๊ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเผยว่า
“เวียดนามจะเน้นขยายตลาดส่งออกสัตว์ปีกและสัตว์น้ำ กระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทจะประสานงานกับกลุ่มบริษัท Dutch De Heus ของเนเธอร์แลนด์เพื่อส่งออกเนื้อไก่ไปยังตลาดฮาลาลที่มีประชากรชาวมุสลิม 2.2 พันล้านคน สำหรับสัตว์น้ำ ทางกระทรวงฯ ได้สั่งให้กรมสัตว์น้ำเน้นพัฒนาตลาดนี้ด้วย การเปิดตลาดและการส่งเสริมการค้าอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องขยายตลาดใหม่ๆเพื่อให้สินค้าเกษตรสามารถเข้าถึงกลุ่มตลาดต่าง ๆ และมีรายได้มากขึ้น”
ในขณะเดียวกัน จากการสานต่อการฟื้นตัวที่เข้มแข็งของกิจกรรมการท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังผลักดันการประชาสัมพันธ์ที่เข้มแข็งมากขึ้นโดยต้องเข้าถึงตลาดใหญ่ๆ โดยเฉพาะ ประเทศที่เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ของเวียดนาม นาย ห่าวันเซียว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยวของกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวได้เผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ มีการประกาศการวางผังระดับจังหวัด ภูมิภาคและประเทศพร้อมๆ กัน โดยมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และแก้ไขปัญหาการเชื่อมโยงระดับภูมิภาคซึ่งเป็นจุดอ่อนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเวลาที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอย่างเข้มแข็งอีกด้วย
“เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างเข้มแข็งในปีนี้ เราเน้นแก้ไขปัญหาด้านบุคลากร คุณภาพการบริการและโครงสร้างพื้นฐานของการบริการ ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล ความพยายามในการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อให้การท่องเที่ยวเวียดนามต้องเข้าถึงตลาดใหญ่ๆ โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี จากนั้นจึงมุ่งเจาะตลาดใหม่ๆ เช่น สหรัฐและอินเดีย”
ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนจนส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเวียดนาม การที่กระทรวงและหน่วยงานต่างๆเป็นฝ่ายรุกในการแสวงหามาตรการเพื่อส่งเสริมจุดแข็งจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมเพื่อให้เวียดนามแปรเป้าหมายการพัฒนาในปีนี้อย่างเป็นรูปธรรม.