(VOVWORLD) - ในช่วงวันสุดท้ายของปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับการประเมินว่า มีความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ต่อสหภาพยุโรปหรืออียูทั้งองค์กรกำลังเร่งผลักดันความพยายามแก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ
การประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม (AFP) |
ในระหว่างวันที่ 10-11 ธันวาคม ผู้นำของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียูได้จัดการประชุมพิเศษ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยมีวาระการประชุมหลายนัดเพื่อแก้ไขหน้าที่ที่หนักหน่วงของกลุ่ม โดยเฉพาะการอนุมัติแผนการเงินระยะยาวที่สำคัญ
ก้าวเดินที่สำคัญ
ในวันเปิดการประชุม บรรดาผู้นำของสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงที่สำคัญเกี่ยวกับงบประมาณของอียูในช่วงปี 2021-2027 พร้อมวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ มูลค่า 1 ล้าน 8 แสนล้านยูโรเพื่อแก้ไขผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ต่อเศรษฐกิจสังคม โดยวงเงินงวดนี้ประกอบด้วยงบประมาณสำหรับ 7 ปีข้างหน้า มูลค่า 1 ล้าน 1 แสนล้านยูโร และวงเงินฟื้นฟูที่เรียกว่า " Next Generation EU " มูลค่า 7 แสน 5 หมื่นล้านยูโร นอกเหนือจากการสนับสนุนการฟื้นฟูจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แล้ว วงเงินช่วยเหลือนี้ยังสนับสนุนสหภาพยุโรปในการปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงผ่านนโยบายที่สำคัญต่างๆ ได้แก่ ข้อตกลงแห่งสีเขียว การปฏิวัติดิจิทัลและการพัฒนาที่เข้มแข็ง
อียูได้บรรลุผลงานนี้หลังจากที่โปแลนด์และฮังการีร่วมกับเยอรมนีซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอียูในปัจจุบันเห็นพ้องเกี่ยวกับแผนการใหม่ต่องบประมาณระยะยาวในช่วงปี 2021-2027 ของกลุ่มนี้ เพราะก่อนหน้านั้น โปแลนด์และฮังการีได้คัดค้านเงื่อนไขของการแนบร่างกฎหมายงบประมาณระยะยาวของสหภาพยุโรปควบคู่กับคำเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติตามหลักนิติธรรมของสหภาพยุโรป ซึ่งทำให้แผนงบประมาณและแพ็คเกจฟื้นฟูเศรษฐกิจของอียูซึ่งบรรดาผู้นำอียูอนุมัติเมื่อเดือนกรกฎาคมตกเข้าสู่ภาวะชะงักงัน
นาย ชาร์ลส์ มิเชล ประธานสภายุโรปได้ชื่นชมความคืบหน้านี้ โดยแสดงความเห็นว่า ขณะนี้ อียูสามารถเริ่มปรับใช้การจัดสรรงบประมาณดังกล่าวและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้แล้ว ซึ่งวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจนี้จะผลักดันกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานสีเขียวและการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลในประเทศสมาชิก ในขณะเดียวกัน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซี เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ได้ยืนยันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ว่า "ยุโรปกำลังก้าวไปข้างหน้า" และแสดงความเชื่อมั่นว่า วงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจนี้จะสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การฟื้นฟูของอียูและมีส่วนร่วมต่อการสร้างสรรค์สหภาพยุโรปที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบดิจิทัลและเพิ่มความเข้มแข็ง
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส Emmanuel Macron (ซ้าย) และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EU) Ursula von der Leyen ในการประชุมสุดยอดอียู ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม (REUTERS)
|
ยังคงมีหน้าที่ที่หนักหน่วงมากมาย
ตามแผนการ พร้อมกับปัญหาด้านงบประมาณ มีความเป็นไปได้สูงที่บรรดาผู้นำของอียูสามารถบรรลุความเห็นพ้องเกี่ยวกับเป้าหมายใหม่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรปในปี 2030 ซึ่งจะอนุญาตให้อียูยื่นเสนอรายงานอัพเดทการสนับสนุนเงินให้กับกรอบอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก่อนสิ้นปี 2020
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับสหรัฐ ตลอดจนสถานการณ์ความตึงเครียดในเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกและความสัมพันธ์กับตุรกี ตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ นี่คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ต่ออียูทั้งในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับความสัมพันธ์กับสหรัฐ อียูอาจประสบความสำเร็จในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกหลังจากสหรัฐมีรัฐบาลชุดใหม่ ในปี 2020 ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงปฏิบัตินโยบายประเทศสหรัฐต้องมาก่อนหรือ "America First" จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐตกเข้าสู่ภาวะชะงักงัน มิหนำซ้ำยังมีก้าวถอยหลังหลังจากที่สหรัฐตัดสินใจถอนทหาร 1 ใน 3 ที่กำลังประจำการในเยอรมนี
ในขณะเดียวกัน การแก้ไขความตึงเครียดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกของสหภาพยุโรปซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงถึงความสัมพันธ์กับตุรกีก็ประสบอุปสรรคเนื่องจากตุรกียังคงถือไพ่เหนือว่าสหภาพยุโรป นั่นก็คือปัญหาผู้อพยพจากซีเรียและเขตสงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นความท้าทายในระยะยาวของยุโรป
และอีกเรื่องที่สำคัญก็คือปัญหา Brexit ที่มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับอังกฤษเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายหลัง Brexit ซึ่งต้องเจรจาให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 31 ธันวาคม
เป็นที่ชัดเจนว่า บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปกำลังต้องแบกรับหลายภาระพร้อมกัน และการจัดการประชุมสุดยอดพิเศษในระหว่างวันที่ 10-11 ธันวาคม ดูเหมือนว่าจะยังไม่เพียงพอเพื่อให้สหภาพยุโรปฟันฝ่าอุปสรรคของปี 2020 เพื่อเข้าสู่ปี 2021 พร้อมโอกาสที่สดใสมากขึ้น ./.