(VOVworld)-นาย กาง ซอค ยู เลขาธิการดูแลด้านการต่างประเทศของพรรคแรงงานเกาหลีกำลังเดินทางไปเยือนประเทศยุโรป ซึ่งเป็นการเยือนยุโรปที่มีขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีและถือเป็นการบ่งชี้ว่าเปียงยางกำลังปฏิบัติมาตรการทางการทูตในเชิงรุกเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับโลกภายนอก

นาย กาง ซอค ยู กับเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำเปียงยางที่สนามบินก่อนออกเดินทางเยือนยุโรป(petrotimes.vn)

ในกรอบการเยือนประเทศยุโรปเป็นเวลากว่า1สัปดาห์ตั้งแต่วันที่6กันยายน นาย กาง ซอค ยู บุคคลที่รับบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีจะเดินทางไปเยือนเบลเยี่ยม สวิสเซอแลนด์และอีกบางประเทศยุโรป ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขานับตั้งแต่รับตำแหน่งเลขาธิการดูแลด้านการต่างประเทศของพรรคแรงงานเกาหลีเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

แสวงหาหนทางหลุดพ้นจากภาวะโดดเดี่ยวทางการทูตและเศรษฐกิจ

การเยือนต่างประเทศครั้งนี้ของนาย กาง ซอค ยู อยู่ในกรอบความพยายามใหม่ของเปียงยางเพื่อหลุดพ้นจากภาวะการถูกโดดเดี่ยว ตามนิตยสารการเมืองโลกของฝรั่งเศสฉบับเดือนกุมภาพันธ์ปี2014 ที่ระบุว่ามูลค่าการนำเข้าของเปียงยางและจีนคิดเป็นร้อยละ67.2 สาธารณรัฐเกาหลีที่ร้อยละ19.4และสหภาพยุโรปที่ร้อยละ3.6 ส่วนด้านการส่งออกนั้นมูลค่าการส่งออกของเปียงยางไปยังจีนอยู่ที่ร้อยละ61.6 สาธารณรัฐเกาหลีที่ร้อยละ20และอียูที่ร้อยละ4 จนถึงปัจจุบัน ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ3แห่งและมีแผนที่จะเปิดเพิ่มเติม19แห่งเพื่อเรียกการลงทุนจากต่างประเทศ ในสภาวการณ์นั้นคำสั่งคว่ำบาตรของประชาคมระหว่างประเทศได้ส่งผลกระทบไม่น้อยต่อแผนการดังกล่าวของเปียงยางและยังกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรและตามความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ยูนยุงเซ เปียงยางกำลังอยู่ในสภาวการณ์ที่ลำบากทั้งด้านการทูตและเศรษฐกิจเนื่องจากคำสั่งคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับปัญหานิวเคลียร์และการทดลองยิงขีปนาวุธ

ในสภาวการณ์ดังกล่าวเรายังต้องกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีกับ3ประเทศคือสาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐและจีน  โดยในทางเป็นจริงในนโยบายที่มีต่อทั้งสามประเทศนี้เปียงยางต่างพยายามมุ่งค้ำประกันด้านความมั่นคงของชาติและพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่สะดวก แต่ความสัมพันธ์ทางการทูตกับสามประเทศดังกล่าวต่างก็ประสบปัญหา

โดยสำหรับสหรัฐเงื่อนไขชี้ขาดเพื่อปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายคือการที่เปียงยางให้คำมั่นยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์แต่ทางฝ่ายเปียงยางกลับถือว่านี่เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ในด้านความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐเกาหลีก็เริ่มเลวร้ายลงตั้งแต่ปี2008และยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบันจนไม่สามารถแสวงหามาตรการสร้างกรอบความร่วมมือที่เข้มแข็งได้ ส่วนความสัมพันธ์กับจีนก็เริ่มจืดจางลงซึ่งจะเห็นได้จากการตัดสินใจเยือนสาธารณรัฐเกาหลีเป็นประเทศแรกหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำจีนของประธานสีจิ้นผิง ในขณะที่สื่อต่างๆของเปียงยางก็เริ่มลงข่าวตำหนิจีน

ทั้งนี้ทางการเปียงยางกำลังพยายามปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียแต่วิกฤตในยูเครนและความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-ตะวันตกที่กำลังเลวร้ายลงได้ส่งผลกระทบต่อความสนใจของมอสโคว์ต่อเปียงยาง ดังนั้น เปียงยางจึงได้ตัดสินใจหันความสนใจไปยังทวีปยุโรป

โอกาสความร่วมมือกับยุโรปยังเปราะบาง

ตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ ขณะนี้ยังยากที่จะคาดเดาถึงผลสำเร็จของความพยายามที่เปียงยางกำลังปฏิบัติเพื่อผลักดันความร่วมมือกับยุโรป เพราะถึงแม้ผู้นำยุโปรจะไม่มีอคติกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีมากเท่ากับผู้นำสหรัฐหรือสาธารณรัฐเกาหลีแต่ปัญหานิวเคลียร์และนโยบายภายในประเทศของเปียงยางอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย นอกจากนั้นทางด้านเศรษฐกิจ ยุโรปเพิ่งผ่านช่วงวิกฤตที่ร้ายแรงจึงยากที่จะเปิดใจให้การสนับสนุนทางการเงินในขณะนี้ แถมยังต้องประสบกับปัญหาความห่างไกลกันทางด้านภูมิศาสตร์และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สามารถเกื้อหนุนกันซึ่งถือเป็นปัญหาที่ไม่ง่ายสำหรับทั้งสองฝ่าย

มีแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ควบคู่กับการเยือนยุโรปของ นาย กาง ซอค ยู  คาดว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี รี ซู ยอง จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์คในปลายเดือนนี้ ซึ่งถ้าแผนดังกล่าวได้รับการปฏิบัติก็นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเดินทางไปยังสหรัฐในรอบ15ปีและก็เป็นสัญญาณที่ดีจากเปียงยาง

ความพยายามต่างๆของเปียงยางเพื่อปรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือเป็นแรงกระตุ้นใหม่ในกระบวนการปรับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี แต่ความพยายามเหล่านั้นจะสามารถประสบผลได้หรือไม่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆนอกเหนือจากความตั้งใจของเปียงยาง./.