(VOVWORLD) - ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกพร้อมภริยาได้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมอนาคตเอเชียครั้งที่ 23 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในระหว่างวันที่ 4-8 มิถุนายนปี 2017 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนอกจากยืนยันถึงการให้ความสำคัญ ผลักดันและทำให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่กว้างลึกเวียดนาม-ญี่ปุ่นมีความลึกซึ้งมากขึ้นแล้ว การเยือนยังสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อให้ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศพัฒนาที่เข้มแข็งมากขึ้นในเวลาที่จะถึง
นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก พบปะกับสถานประกอบการญี่ปุ่น |
ภายหลังกว่า 40 ปีที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตซึ่งตรงกับวันที่ 21 กันยายนปี 1973 ญี่ปุ่นได้กลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญชั้นนำของเวียดนาม ทั้งสองประเทศได้ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในเอเชียเมื่อปี 2009 และเมื่อปี 2014 เวียดนามและญี่ปุ่นได้ลงนามแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่กว้างลึกเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในเอเชีย เมื่อปี 2015 ในกรอบการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่องและนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ ได้ออก “แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ความสัมพันธ์เวียดนาม-ญี่ปุ่น”
ผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์ทวิภาคีเวียดนาม-ญี่ปุ่นได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็วและพัฒนาอย่างเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจและการค้า ขณะนี้ ญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนสำคัญชั้นนำของเวียดนามและเป็นประเทศจี 7 ประเทศแรกที่รับรองระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนาม นอกจากนั้น ญี่ปุ่นยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 2 และหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ 4 ของเวียดนาม เมื่อปี 2006 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุ 9.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปัจจุบันได้บรรลุเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะเมื่อข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ต่างๆได้รับการลงนามก็จะสร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อผลักดันการค้าระหว่างประเทศต่างๆและเป้าหมายที่เข้าร่วม รวมทั้งเวียดนามและญี่ปุ่น ขณะนี้ เวียดนามกำลังมีข้อตกลงการค้าหรือเอฟทีเอสำคัญ 2 ฉบับกับญี่ปุ่น ประกอบด้วยข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านอาเซียน-ญี่ปุ่นหรือ AJCEP และข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจเวียดนาม-ญี่ปุ่นหรือ VJEPA
นอกจากการแลกเปลี่ยนการค้า สถานประกอบการญี่ปุ่นยังให้ความสนใจถึงตลาดเวียดนาม ซึ่งขอบเขตการลงทุนก็นับวันเพิ่มมากขึ้น ตามผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดปรากฎว่า สถานประกอบการญี่ปุ่นร้อยละ 53 ได้ระบุชื่อเวียดนามในแผนการลงทุนของตน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคาดหวังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและยืนยันเป้าหมายว่า มูลค่าการค้าต่างตอบแทนเวียดนาม-ญี่ปุ่นจะบรรลุ 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020
ในสภาวการณ์ที่เวียดนามกำลังปฏิรูปและปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างกว้างลึก โอกาสสำหรับสถานประกอบการญี่ปุ่นในการลงทุนและประกอบธุรกิจในเวียดนามก็นับวันเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการซื้อขาย ควบรวมกิจการ การแปรสถานประกอบการภาครัฐให้เป็นบริษัทหุ้นส่วน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้าง การขนส่ง โทรคมนาคม อาหาร การเกษตร สถานประกอบการด้านเทคโนโลยีขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานอุตสาหกรรมประกอบ ในการกล่าวถึงโอกาสการลงทุนในเวียดนาม นาย Yuchi Akai ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริหารของบริษัท Daiwa Security ได้เผยว่า “พวกเรามีกองทุนที่ดึงดูดการลงทุนใหม่ในเวียดนามและได้ระดมเงินทุนค่อนข้างสูงเพื่อสนับสนุนกองทุนนี้ พวกเราได้แนะนำหุ้นส่วนต่างๆให้แก่นักลงทุนของเวียดนามและญี่ปุ่น รวมทั้งสถานประกอบการในด้านการผลิตนมและธนาคาร ขณะนี้ พวกเรากำลังเน้นดึงดูดการลงทุนด้านการเงินในเวียดนาม”
เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ในกรอบการเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้มีการจัดฟอรั่มสถานประกอบการเวียดนาม-ญี่ปุ่นครั้งใหญ่ที่สุดในวันที่ 5 มิถุนายน โดยมีสถานประกอบการ 1,500 แห่งเข้าร่วม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจเป็นอย่างมากของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ตลอดจนสถานประกอบการ โดยเฉพาะในด้านการลงทุนและการค้าระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น ในฟอรั่มนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงียนซวนฟุกได้ส่งสาส์นที่เข้มแข็งเกี่ยวกับความมุ่งมั่นและปฏิบัติการของรัฐบาลเวียดนามเพื่อสร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่โปร่งใสและเปิดเผย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการญี่ปุ่น นอกจากนั้น ท่าน เหงียนซวนฟุกยังพบปะกับกลุ่มบริษัทใหญ่ๆในด้านการเงิน ธนาคาร เทคโนโลยี การผลิตประดิษฐ์คิดค้นและคอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่น ในการกล่าวปราศรัยภายหลังการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม นาย Toshifumi Watanabe ประธานกลุ่มบริษัท J-Power ได้เผยว่า “บริษัทเรามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นและด้วยประสบการณ์ที่เรามีก็สามารถให้การช่วยเหลือเวียดนามเกี่ยวกับความร่วมมือในการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการลงทุน หวังว่า การพบปะนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อสามารถพัฒนาความร่วมมือลงทุนในอนาคต”
สิ่งที่น่าสนใจ ในกรอบการเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก คือผู้บริหารของจังหวัดและนครต่างๆของเวียดนามได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือและลงทุนกับสถานประกอบการญี่ปุ่น รวมมูลค่านับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แสดงให้เห็นถึงบทบาทของเวียดนามกับหุ้นส่วนต่างๆเพื่อรับมือกับความท้าทายของภูมิภาค
ในกรอบการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ กลุ่มบริษัท Nikkei ได้เชิญนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก เป็นวิทยากรหลักในพิธีเปิดการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับอนาคตของเอเชียภายใต้หัวข้อ “โลกาภิวัตน์ในสามแยก-ปฏิบัติการของเอเชีย” ในระหว่างวันที่ 5-6 มิถุนายน ณ กรุงโตเกียว โดยมีนักการเมืองกว่า 400 คน รวมทั้งผู้นำของรัฐบาล ผู้บริหารของสถานประกอบการใหญ่และผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของภูมิภาคและโลกเข้าร่วม นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันถึงคำมั่นของเวียดนามเกี่ยวกับสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาค ส่งสาส์นที่เข้มแข็งถึงประชาคมโลกเกี่ยวกับเวียดนามที่กำลังผสมผสานเข้ากับกระแสโลกที่กว้างลึก เปิดโอกาสความร่วมมือใหม่ๆให้แก่หุ้นส่วนและสถานประกอบการของประเทศต่างๆ รวมทั้งญี่ปุ่น
ภายหลังกว่า 40 ปีที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง การเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกเป็นพลังขับเคลื่อน มีส่วนร่วมสร้างกระแสการลงทุนใหม่ของสถานประกอบการญี่ปุ่นในเวียดนามในปีต่อๆไป นี่คือพลังภายนอกที่สำคัญ ซึ่งมีส่วนร่วมสนับสนุนภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนามในเวลาที่จะถึง.