นาย หล่ายวันเหียบ  ผู้เดินหน้าธุรกิจสตาร์ทอัพนำถ่านไม้เวียดนามสู่ตลาดญี่ปุ่น

นาย หล่ายวันเหียบ อายุ 35 ปี เป็นนักศึกษาชาวเวียดนามคนแรกที่เลือกเรียนด้านอุตสาหกรรมป่าไม้ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติอุสึโนมิยะในจังหวัดโทจิงิของญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากสำเร็จการศึกษาและใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาหลายปี เขาเห็นว่า ความต้องการใช้ถ่านไม้ในร้านอาหารญี่ปุ่นต่างๆ มีสูงมาก ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจจัดตั้งบริษัท NGUON LUC BIEN DONG TRADING ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในขุดและจัดเก็บถ่านหินแข็ง เพื่อทำผลิตภัณฑ์ถ่านไม้แบรนด์เวียดนามเป็นของตนเอง นาย หล่ายวันเหียบ เล่าให้ฟังว่า

“ในช่วงแรก ลูกค้าชาวญี่ปุ่นมีความชื่นชอบถ่านขาวจากไม้ยูคาลิปตัสของเวียดนามเป็นอย่างมาก โดยผมต้องหาแหล่งปลูกต้นยูคาลิปตัสเพื่อมีแหล่งวัตถุดิบได้อย่างมั่นคง ในตอนนั้น ที่เวียดนาม ยังไม่มีแหล่งข้อมูลสถิติที่แม่นยำ หรือถ้ามีก็อาจมีความคลาดเคลื่อนระหว่างต้นยูคาลิปตัสกับต้นเมลาลูก้า ดังนั้น ผมต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี ในการสร้างโรงงานทั้งหมด 5 แห่ง ในจังหวัดเหงะอาน จังหวัดจ่าวิง จังหวัดลองอาน จังหวัดบิ่งดิ่ง และจังหวัดนิงถ่วน สำหรับแบรนด์สินค้าแบรนด์หนึ่งที่อยากมีจุดยืนในตลาด ก็ต้องผ่านมาตรฐาน 2 ข้อคือ คุณภาพสินค้าและการดำเนินธุรกิจขององค์กร รวมถึงแนวความคิดของผู้นำองค์กร”

นาย หล่ายวันเหียบ ได้เลือกใช้ต้นยูคาลิปตัส ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นวัตถุดิบหลัก โดยในการผลิตถ่านแต่ละล็อต เขาเองได้รวบรวมตัวอย่างถ่านหินอื่นๆ ที่มีคุณภาพดีที่สุดจากโรงงานภายในเวียดนามหลายแห่ง เพื่อนำไปขายตลาดญี่ปุ่น ซึ่งคุณภาพถ่านหินของเวียดนามนั้นสร้างความประทับใจอย่างมากให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการญี่ปุ่นตั้งแต่แรกเริ่ม หลังจากนั้นไม่นาน คณะผู้ประกอบการญี่ปุ่นจำนวน 8 รายได้เดินทางมาชมโรงงานและกระบวนการผลิตถ่านหินในเวียดนาม นาย เหียบ ได้ระดมกลุ่มผู้ผลิตถ่านในเวียดนาม 40 คน จัดตั้งสมาคมถ่านไม้เวียดนาม ร่วมกันผลิตและกำหนดมาตรฐานคุณภาพถ่านของโรงงานสมาชิก เพื่อสามารถเจาะตลาดญี่ปุ่นได้มากขึ้น สำหรับโรงงานผลิตในจังหวัดบิ่งถ่วน มีความพร้อมในด้านวัตถุดิบและคุณภาพสินค้าเพื่อขยายกิจการ ปัจจุบัน ในโรงงานมีแรงงานรวม 100 คน โดยมีปริมาณการผลิตถ่านหินขาว 2,000 ตันต่อปี และถ่านหินดำ 1,300 ตันต่อปี นาย หล่ายวันเหียบ เผยว่า

“แหล่งวัตถุดิบสำหรับ 5ปีไม่ใช่เรื่องยาก 10 ปีอาจยากขึ้นไปอีกนิด แต่ทำยังไงให้องค์กรธุรกิจสามารถดำเนินการผลิตได้นานกว่า 10 ปี 20 ปี หรือนานกว่านั้น จำเป็นต้องมีความมั่นคงในด้านการผลิตโดยเฉพาะในการปลูกป่าเพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบ ซึ่งต้องเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ถึงจะทำได้ ภายหลังเวลา 7 ปี บริษัท NGUON LUC BIEN DONG TRADING เป็นแบรนด์สินค้าชั้นนำทั้งในตลาดภายในและการส่งออกไปยังต่างประเทศ สำหรับตลาดในเวียดนาม บริษัทของผมกำลังขึ้นแท่นเบอร์ 1 และก็เป็นเบอร์ 1 ระดับโลกในด้านแหล่งวิตถุดิบถ่านไม้ยูคาลิปตัส โดยเป้าหมายที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าคือเป็นผู้ผลิตถ่านไม้รายใหญ่ที่สุดของโลก”

นาย หล่ายวันเหียบเข้าร่วมการพบปะกับตัวอย่างดีเด่น "คนดีทำความดี"

หลังจากสามารถเจาะตลาดญี่ปุ่นได้เรียบร้อยแล้ว นาย หล่ายวันเหียบ ก็ได้เจาะช่องทางการจำหน่ายค้าปลีกและระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งภายหลังวิกฤติโควิด-19 ความเชื่อมโยงระหว่างภาคการผลิตกับห่วงโซ่อุปทานถูกตัดขาดเป็นการชั่วคราว ทำให้มีผู้ประกอบการจำนวนมากต้องปิดกิจการ แต่นี่กลับกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับบริษัทของนายเหียบ นาย มานเจิ่นหว่าง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท NGUON LUC BIEN DONG TRADING เผยว่า

“ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ความต้องการทำอาหารที่บ้าน รวมถึงการใช้บริการสั่งอาหารไปส่งที่บ้านของทุกคนก็เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ปริมาณการส่งออกถ่านหินของบริษัทจึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ บริษัทก็สร้างงานเพิ่มให้แก่คนงาน จำนวนแรงงานก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เงินเดือนก็ได้ปรับสูงขึ้น ส่วนคุณเหียบ ก็ได้เจาะตลาดใหม่หลายแห่ง เช่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา”

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ถ่านไม้ของบริษัทฯ สามารถเจาะตลาดญี่ปุ่นและยังประสบความสำเร็จในการส่งออกสู่ตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ โดยนาย หล่ายวันเหียบ พร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการเวียดนาม  สามารถเข้าถึงตลาดถ่านไม้คุณภาพสูงอย่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในอนาคตอันใกล้ ผลิตภัณฑ์ถ่านผลิตโดยผู้ประกอบการเวียดนามที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะได้รับการส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก.