ดงเจี่ยวเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่ให้ผลผลิตต่ำทั้งหมดมาปลูกดอกซ่อนกลิ่นและดอกบัว

“ครอบครัวเราปลูกดอกซ่อนกลิ่นรวมประมาณ 1 ไร่ ซึ่งในช่วงก่อน ผลผลิตไม่ดีแต่หลังจากที่เราเข้าเป็นสมาชิกของสหกรณ์ฯ ก็มีผลผลิตดีขึ้นและมีรายได้ประมาณ 80-140 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ นอกจากนี้ เราก็ปลูกดอกบัวซึ่งก็ได้ราคาดี และแน่นอนว่า ในอนาคตจะได้กำไรสูงกว่าการขายดอกซ่อนกลิ่น”

นอกจากครอบครัวนางเหงียนถิเล สหกรณ์ฯ ยังเป็นชายคาอันอบอุ่นของเกษตรกรปลูกดอกไม้รายย่อยในแขวงห่งฟองอีกประมาณ 100 คน นับตั้งแต่ได้รับการจัดตั้งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางสหกรณ์ฯ มีพื้นที่ปลูกดอกซ่อนกลิ่นประมาณ 5 ไร่ที่หลากหลายชนิด เช่น ดอกซ่อนกลิ่นสีขาว ดอกซ่อนกลิ่นสีม่วงและดอกซ่อนกลิ่นพื้นเมือง ส่วนพื้นที่ที่เหลือก็ใช้สำหรับการปลูกดอกไม้ชนิดใหม่ๆ เช่น ดอกบัวและดอกสลิด โดยทุกส่วนต่างได้รับการแนะนำวิธีการปลูกตามมาตรฐานอินทรีย์จากสถาบันวิจัยพันธุ์พืชส่วนกลาง

นาย เหงียนแหม่งงาด หัวหน้าสหกรณ์ฯ เผยว่า การปลูกทุกขั้นตอนต่างได้รับการแนะนำอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถค้ำประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้

“ทางสหกรณ์ฯ กำลังจัดทำรูปแบบการปลูกดอกไม้และให้บริการการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการปลูกดอกสลิด ดอกซ่อนกลิ่นและดอบบัวได้สร้างกำไรสูงให้แก่สมาชิก โดยเฉพาะในการปลูกดอกสลิด สมาชิกของสหกรณ์ฯ จะใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในการรดน้ำ สร้างห่วงโซ่มูลค่าและแบรนด์ให้แก่ดอกไม้ดงเจี่ยว”

ผลสำเร็จที่ดีที่สุดของสหกรณ์ฯ นับตั้งแต่ที่ได้รับการก่อตั้งคือ ใช้พื้นที่รกร้างว่างเปล่าและพื้นที่ปลูกข้าวที่ให้ผลผลิตต่ำในอำเภอเมืองดงเจี่ยวเพื่อปลูกดอกไม้แบบรวมศูนย์ โดยทางอำเภอเมืองฯ ได้วางแผนและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความสมบูรณ์ กำหนดพื้นที่ปลูกข้าวและจัดตั้งเขตให้บริการ อาหารและการกีฬา เพื่อมุ่งสู่การจัดตั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงการเกษตรแห่งใหม่ นาย เหงียนห่งเถียน ประธานคณะกรรมการประชาชนแขวงห่งฟองเผยว่า ทางแขวงฯ มุ่งสู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างแบรนด์ให้แก่เขตชนบทใหม่ดงเจี่ยว

“จากการปรับเปลี่ยนปลูกดอกไม้ที่เป็นจุดแข็งของท้องถิ่น เรายังรณรงค์ให้ประชาชนสมทบพลังทุกแหล่งเพื่อก่อสร้างถนนหนทางต่างๆ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมเพื่อสร้างสรรค์ท้องถิ่นให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงการเกษตรเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น”