สหกรณ์การท่องเที่ยวเชิงชุมชนหงอกเชี้ยนเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ตำบลหงอกเชี้ยน อำเภอเหมื่องแต่ จังหวัดได้รับฉายาว่าเป็น “ดินแดนสวรรค์” แห่งเขตตะวันตกเฉียงเหนือเนื่องจากมีสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ มีทิวทัศน์แสนโรแมนติก ธารน้ำร้อนธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ด้านวัฒนธรรมและการเกษตรที่หลากหลาย จากความได้เปรียบดังกล่าว เมื่อ 3 ปีก่อน นาย หล่อวันเซียน ซึ่งเป็นรองเลขาธิการกองเยาวชนสาขาตำบลหงอกเชี้ยนได้ตั้งใจทำธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านโครงการ “พัฒนาระบบนิเวศการท่องเที่ยวหงอกเชี้ยนควบคู่กับการทำเกษตรปลอดสารพิษ” โดยได้ร่วมมือกับเยาวชนในท้องถิ่นจัดตั้งสหกรณ์การท่องเที่ยวเชิงชุมชนหงอกเชี้ยน นายเซียนกล่าวว่า            “ เมื่อเริ่มทำ เราประสบความยากลำบากต่างๆ เช่น การโน้มน้าวให้เยาวชนปรับปรุงซ่อมแซมที่พักที่อยู่กันมาหลายชั่วอายุคนเพื่อทำเป็นโฮมสเตย์ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ สองคือการโน้มน้าวให้เกษตรกรเปลี่ยนพฤติกรรมในการทำนาทำไร่มาเป็นการให้บริการท่องเที่ยวเชิงชุมชน แต่เนื่องจากขาดความรู้และทักษะความสามารถทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก”

หลังการปฏิบัติมาเป็นเวลา 3 ปี วิธีการนี้ได้มีส่วนช่วยให้หงอกเชี้ยนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น และชาวบ้านทุกคนกลายเป็นมัคคุเทศก์สมัครเล่นพร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน สหกรณ์การท่องเที่ยวเชิงชุมชนหงอกเชี้ยนได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 30,000 คน มีรายได้กว่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ สร้างงานทำให้แก่แรงงานท้องถิ่นกว่า 100 คนด้วยเงินเดือนประมาณ 5-6 ล้านด่งหรือเกือบ 250 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน นาย หล่อวันถวา รองประธานคณะกรรมการประชาชนตำบลหงอกเชี้ยน เผยว่า

“รูปแบบนี้ได้มีส่วนร่วมสร้างงานทำให้แก่เกษตรกรที่นี่ โดยในเวลาที่ผ่านมา ทางสหกรณ์ฯ ได้ทำการประสัมพันธ์แนะนำผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวเชิงชุมชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดของชาวบ้านที่นี่ในการพัฒนาการท่องเที่ยว”

นาย ดั๋งหงอกจุง ในอำเภอฝู่เอียน จังหวัดเซินลามีความหลงใหลเกี่ยวกับเครื่องไม้

ส่วนนาย ดั๋งหงอกจุง ในอำเภอฝู่เอียน จังหวัดเซินลามีความหลงใหลเกี่ยวกับเครื่องไม้ ซึ่งได้ย้ายจากเมืองใหญ่มาตั้งสถานที่ผลิตสินค้าหัตถกรรมศิลปะและเครื่องใช้ในบ้านที่ทำด้วยไม้ ในปี 2017 เขาเริ่มผลิตเครื่องใช้ในบ้านง่ายๆ เช่น จาน ชาม ตะเกียบ ช้อน เป็นต้น จากไม้ลำไย ไม้ลิ้นจี่และไม้มะขามที่ปลูกในสวนของตน ต่อมาในปี 2020 เขาได้ตัดสินใจลงทุนเงิน 500 ล้านด่งหรือ 22,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อขยายการผลิต ซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัยและวัตถุดิบ พร้อมทั้งร่วมมือกับสมาชิกอีก 7 คนจัดตั้งสหกรณ์ผลิตเครื่องใช้ในบ้านที่ผลิตจากไม้ด้วยยี่ห้อ  “ON” โดยแต่ละเดือนสามารถผลิตได้กว่า 5,000 ชิ้น เขาบอกว่า ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ไม่มีกลิ่น และไม่เป็นอันตรายเมื่อนำไปใส่อาหารจึงได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก

“นี่เป็นอาชีพใหม่จึงยังไม่เป็นที่คุ้นเคยของแรงงานที่นี่แต่จากความพยายามและได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานที่เกี่ยวข้อง เราสามารถผลิตสินค้าต่างๆ เพื่อจำหน่ายในตลาดได้ จากการเข้าร่วมโครงการหนึ่งตำบล - หนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ OCOP มีซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งได้ติดต่อกับเราเพื่อสั่งซื้อ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีที่ช่วยให้เรายกระดับคุณภาพให้ดีขึ้นและสามารถเจาะตลาดใหม่ๆ มากขึ้น”

ปัจจุบันนี้ นอกจากจำหน่ายสินค้าตามสัญญาที่ได้ลงนามกับซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆในจังหวัดแล้ว ทางสหกรณ์ฯ ยังจำหน่ายสินค้าในกรุงฮานอย จังหวัดและนครต่างๆในภาคใต้เวียดนามอีกด้วย พร้อมทั้งสร้างงานทำที่มั่นคงให้แก่แรงงานท้องถิ่นประมาณ 8-15 คน นาง ฝุ่งถิเชิ้น ชาวบ้านตำบลฮวีหะ อำเภอฝู่เอียน ซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์กล่าวว่า

“ฉันและแรงงานสตรีอื่นๆในสหกรณ์ล้วนมีลูกอยู่ในวัยเรียนจึงต้องรับ-ส่งลูกไปโรงเรียน ดังนั้น เราเลือกงานนี้เพื่อสามารถประหยัดเวลา ซึ่งมีรายได้ประมาณ 3-4 ล้านด่งต่อเดือน”

ในการเดินพร้อมกับขบวนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพของเยาวชน เมื่อปลายปี 2022 คณะกรรมการประชาชนจังหวัดเซินลาได้ปฏิบัติ “แผนการผลักดันการทำธุรกิจสตาร์ทอัพและดึงดูดการลงทุนในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขา” และจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพนวัตกรรม ส่งเสริมประสิทธิภาพของศูนย์สนับสนุนการทำธุรกิจสตาร์ทอัพจังหวัดเซินลา เป็นต้น นาย เหงียนยวีหว่าง รองผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจังหวัดเซินลา เผยว่า

“เพื่อสนับสนุนชุมชนทำธุรกิจสตาร์ทอัพในจังหวัด โดยเฉพาะการบ่มเพาะความคิดให้กลายเป็นเรื่องจริง ทางการจังหวัดเซินลาได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากต่อการสนับสนุนเงินทุนโดยประกาศมติที่ 143 ของคณะกรรมการประชาชนจังหวัดที่กำหนดการให้เงินกู้สนับสนุนระบบนิเวศสตาร์ทอัพและนวัตกรรม”

ความคิดสร้างสรรค์และความกระตือรือร้นของเยาวชนบวกกับการเดินพร้อมของทางการท้องถิ่นได้ช่วยให้รูปแบบการทำธุรกิจต่างๆ ในจังหวัดประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างงานทำเท่านั้น หากยังเป็นพลังขับเคลื่อนช่วยให้ชนกลุ่มน้อยหลุดพ้นจากความยากจนและสร้างโฉมใหม่ให้แก่เขตเขาจังหวัดเซินลาอีกด้วย.