เวียดนามควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อธำรงศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนและพัฒนาสู่ระดับภูมิภาคและโลก

(VOVWORLD) -  สถานประกอบการไทยได้เริ่มเข้ามาลงทุนในเวียดนามหลังจากเวียดนามมีนโยบายเปิดประเทศเมื่อกว่า 30 ปีก่อน โดยจำนวนโครงการและเงินลงทุนของไทยในเวียดนามได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงกว่า 10 ปีมานี้ ได้เพิ่มขึ้นจาก 315 โครงการ รวมยอดเงินลงทุน 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นกว่า 730 โครงการ รวมยอดเงินลงทุน 1 หมื่น 3 พัน 7 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยติดอันดับ 9 ในจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามมากที่สุด เช่น โครงการของCP, Amata, SCG, BJC... 
เวียดนามควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อธำรงศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนและพัฒนาสู่ระดับภูมิภาคและโลก - ảnh 1ท่าน อำนาจ จุลชาติ (คนที่ 2 นับจากขวา) กับผู้บริหารสำนักงานวางแผนและการลงทุนจังหวัดห่ายางเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (skhdt.hagiang.gov.vn)
 
 

จนถึงปัจจุบัน ศักยภาพการพัฒนาของประเทศเวียดนามยังมีอีกมากและเวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย นี่คือข้อสังเกตของท่าน อำนาจ จุลชาติ ผู้ช่วยทูตฝ่ายการลงทุนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนาม

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี: สวัสดิค่ะ ท่าน  อำนาจ จุลชาติ ขอบคุณท่านที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามนะคะ

ท่าน อำนาจ จุลชาติ: ครับผม

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี: ขอให้ท่านอธิบายเกี่ยวกับการที่เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย

ท่าน อำนาจ จุลชาติ: ช่วงนี้ ผมก็เห็นอยู่แล้วว่า  hot เพราะเวียดนามยังไปอีกไกลในหลายอย่าง ในช่วงที่ผ่านมา นโยบาย การดำเนินการของทางเวียดนาม ผมคิดว่า ประสบความสำเร็จ ในประเทศเวียดนามก็จะเห็นโครงการใหญ่ๆเข้ามาเยอะเลยเพราะว่ามีความเชื่อมั่น แล้วก็คุยในระดับรัฐบาล ซึ่งสามารถมองเห็นภาพตรงนี้ได้ อันนี้เป็นข้อได้เปรียบ และเป็นข้อที่สำคัญ นักลงทุนไทยมาที่นี่ เขาพร้อมที่จะอยู่ระยะยาว เขาไม่ได้มองเพื่อเป็นฐานส่งออก ผมว่า ประเทศไทยมาลงทุนที่เวียดนามเพื่อไปด้วยกันเพราะมันมีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งที่ต่างกัน อย่างเช่น คนก็ไม่มี ก็ต้องมาลงทุนที่นี่เพิ่มและตลาดที่นี่ถ้ามองไปแล้วก็เหมือนไทยย้อนหลัง แต่ว่า ประมาณ 10 ปีแล้วก็การพัฒนาของเวียดนามในเรื่องความต้องการและsocial media เร็วมาก มันต้องการมาตรฐานที่เท่าเทียมกันเพราะตอนนี้คนเวียดนามที่เป็นวัยรุ่นเยอะ คนวัยรุ่นก็มีความต้องการสูง

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี: ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการลงทุนใน 2 ด้านที่กำลังมาแรงในเวียดนามคืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และพลังงานหมุนเวียน

ท่าน อำนาจ จุลชาติ: Trend การธุรกิจจะต้องมาที่เวียดนาม เป้าหมายของรัฐบาลชัดเจน อันนี้เป็นจุดแข็ง สำคัญคือเด็กวัยรุ่นเยอะ การยอมรับอะไรใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงธุรกิจใหม่ๆ ความท้าทาย เทคโนโลยี เซมิคอนดักเตอร์ที่จะมา ประเทศเวียดนามมีแรงงานคุณภาพสูง นโยบายของรัฐบาลมีความชัดเจนคือเซมิคอนดักเตอร์ อย่างนี้คือปรับความคิดคือเริ่มจาก 0 ไปเลยและไปเป็นอย่างนี้มันง่ายกว่าที่เป็นเก่าๆมาเปลี่ยน เวียดนามชัดเจนคือ design และ testing วิศวกรทั้งการออกแบบ design เยอะ คนเข้ามาก็ต้องการอย่างนี้ และอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือในเรื่องของการพัฒนา เรื่องของพลังงาน ประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาลงทุนอันดับต้นๆ โครงการใหญ่ๆ เช่น บริษัท Gulf Super บ้านปู ผู้ที่เข้ามาทำเรื่องพลังงานทางเลือกในประเทศเวียดนามในช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ที่เราจะเห็นภาพว่า พลังงานทางเลือกในประเทศเวียดนาม boom มากในช่วงนั้น ในเรื่องของ PDP8 ตอนนี้เริ่มออกมาแล้ว ก็เริ่มเห็น มีภาษาเวียดนาม ตอนนี้ต้องแปลอยู่ ก็พยายามมองเห็นภาพว่า รัฐบาลมีนโยบายภาคปฏิบัติในเรื่องของพลังงานอย่างไร อย่างเช่น ในเรื่องของการกำหนดราคา จะกำหนดยังไงให้เกิดการคุ้มทุน การออก license กับโครงการที่ผ่านมาแล้วที่มีปัญหาต้องแล้วเสร็จ การทำ COD การคิดค่าไฟฟ้าให้เป็นรายละเอียด

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี: จากบทบาทการเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการไทยกับเวียดนาม ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาต่างๆของสถานประกอบการไทยและมาตรการแก้ไข

ท่าน อำนาจ จุลชาติ: นักลงทุนไทยที่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม สิ่งที่ต้องการที่สุดหลังจากนี้ก็คือ supply chain ซึ่งถือเป็นส่วนที่ต้อง support ต่อไปเพราะว่า คนที่มาลงทุนเยอะๆ เขาก็ต้องการ local supply chain ที่มีคุณภาพ ซึ่งอันนี้ ผมว่า ในส่วนของการพัฒนา ผมว่า อยากให้รัฐบาลลองมองเน้นในส่วนที่เป็นระดับกลาง ระดับล่างที่ไม่ว่าจะเป็น local คนเวียดนามเองที่จะต้องช่วยกัน develop ขึ้นมาให้มีคุณภาพที่จะสามารถ เสิร์ฟให้แก่ FDI ที่เข้ามาได้ ไม่ว่าจะเป็นจากต่างชาติในระดับกลาง ระดับล่าง ผมคิดว่า  เวียดนามก็ต้องเร่งในเรื่องของ infrastructure เพราะเวลาเข้ามาลงทุนเยอะๆ cost ที่สำคัญก็คือโลจิสติกส์ ผมก็เห็น ช่วงนี้ก็เริ่มพัฒนาเรื่องทางด่วน และรัฐบาลก็เริ่มเร่งเพราะว่า รัฐบาลก็เข้าใจว่า ตอนนี้ มีความต้องการ  โลจิสติกส์ในเวียดนามก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนนี้สำคัญมาก สำหรับตัวเองอยากเห็นภาพของรถไฟที่วิ่งระหว่างเหนือใต้ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยได้เยอะ ถ้าเวียดนามลงทุนจุดนี้ ผมว่า เวียดนามสามารถไปได้ไกล

เวียดนามควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อธำรงศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนและพัฒนาสู่ระดับภูมิภาคและโลก - ảnh 2ท่าน อำนาจ จุลชาติ กับผู้สื่อข่าวของวีโอวี

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี: ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนของไทยในเวียดนามในเวลาที่จะถึง

ท่าน อำนาจ จุลชาติ: คนไทยคุ้นชินการลงทุนในภาคใต้นะเพราะ 70% ของการลงทุนไทยจะอยู่ทางภาคใต้ ทางเหนือประมาณ 20 % แต่ว่า ถ้า trend ของการขยายตัว ผมมองว่า ทางเหนือเพราะว่าทางใต้ค่อนข้างแน่นแล้วก็ ทุกอย่างเริ่มแพง ไม่คุ้มกับการลงทุนมาก ทางกลางและเหนือมันกำลังขยายตัว trend ของธุรกิจชัดเจนทางเหนือและ infrastructure ค่อนข้างดี ผมว่า ในอนาคต ทางเหนือเป็น trend ที่คนไทยน่าจะมาลงทุน กลุ่มอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างชัดเจน เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ทางใต้ถ้ามองก็คือพลังงานและค่อนข้างหลากหลาย Trend ชัดเจน ถ้ามองภาพที่ผ่านมา นิคมอุตสาหกรรมใหญ่ๆมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอุปโภคบริโภค พลังงาน modern trade อย่างเช่น  Go xin chao และกลุ่มที่เป็นพัฒนานิคม ผมว่า ใหญ่ๆมาหมดแล้ว กลุ่มที่จะมาต่อไปเป็นกลุ่มที่เป็นรองๆคือพวก service มากกว่า ที่เป็นกลุ่มของคนไทยที่จะมา เช่น การแพทย์ ผมว่า เป็น Trend ที่กำลังมาแรง กลุ่มที่เป็นพวกเครื่องสำอาง อาหารเสริม Trend  สุขภาพ ผมว่า เริ่มมาแล้ว แล้วก็มีคนสนใจเข้ามาเยอะ กลุ่มในเรื่องของร่วมพัฒนาเรื่องสิ่งแวดล้อม ระบบ testing การให้ volunteer การทดสอบ การช่วยป้องกันเรื่องสิ่งแวดล้อม การให้ know how ในการบริการจัดการเรื่อง ESG (Environmental, social, and governance) เป็นพวกงานบริการเรื่อง know how ในส่วนที่มีความจำเป็นต่อไปสำหรับเวียดนาม ผมว่า กลุ่มนี้กำลังมา

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี: ขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด