(VOVWORLD) - ใน 6 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มดีขึ้น โดยอัตราการขยายตัวของจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ 6.42 โดยเฉพาะการผลิตและประกอบธุรกิจได้มีการฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง ซึ่งมีส่วนร่วมเป็นอย่างมากต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามและสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาของเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงหลังของปีนี้และปี 2025
นาย ฝ่ามต๊วนแอง รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนาม (VNA) |
ตามข้อมูลสถิติของทบวงสถิติที่เพิ่งประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ เศรษฐกิจเวียดนามได้บรรลุผลงานที่น่ายินดีในหลายด้าน โดยเฉพาะการผลิตประกอบธุรกิจและการผลิตอุตสาหกรรม โดย 53 จังหวัดและนครทั่วประเทศมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนอุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิตเป็นพลังขับเคลื่อนในการขยายตัวของทั้งระบบเศรษฐกิจ คือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.67
เมื่ออธิบายเกี่ยวกับการขยายตัวที่น่ายินดีดังกล่าว นาย ฝ่ามต๊วนแอง รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามยืนยันว่า สาเหตุอันเนื่องมาจากการชี้นำอย่างเคร่งครัดของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในการเบิกจ่ายเงินทุนภาครัฐ การปฏิบัติโครงการอุตสาหกรรมสำคัญๆ และผลการดึงดูดการเบิกจ่ายเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอ
“รัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและทางการปกครองท้องถิ่นได้เดินพร้อมกับชมรมสถานประกอบการเพื่อใช้โอกาสจากข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอที่เวียดนามได้ลงนามอย่างเต็มที่ในสภาวการณ์ที่ตลาดโลกมีการฟื้นตัว ใบสั่งซื้อของอุตสาหกรรมส่งออกหลักๆ ของเวียดนาม เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และการแปรรูปอาหาร เป็นต้น ได้มีการขยายตัวอย่างน่ายินดี นอกจากนั้น ทักษะความสามารถของสถานประกอบการ โดยเฉพาะสถานประกอบการภายในประเทศได้รับการปรับปรุงเนื่องจากการปฏิบัตินโยบายสนับสนุนต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งเป็นสัญญาณใหม่ที่น่ายินดี ในขณะที่สถานประกอบการภายในประเทศสามารถส่งออกสินค้าได้มากกว่าสถานประกอบการเอฟดีไอ 2 เท่า”
เพื่อสนับสนุนสถานประกอบการต่อไปในการธำรงการผลิตและประกอบธุรกิจ เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลได้เสนอให้ขยายเวลาลดภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไปอีก 6 เดือน คือจนถึงปลายปีนี้ ซึ่งข้อมูลนี้ได้รับคำชื่นชมจากชมรมสถานประกอบการเพราะการลดภาษีมูลค่าเพิ่มจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดราคาให้แก่สินค้า ช่วยให้สถานประกอบการสามารถฟื้นตัวและขยายการผลิตประกอบธุรกิจ นาง เหงียนถิเหยียมหั่ง รองกรรมการฝ่ายบริหารของบริษัท Vinapharma Group แสดงความคิดเห็นว่า
“การลดภาษี โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มในเวลาที่ผ่านมาและในเวลาที่จะถึงเป็นประโยชน์ให้แก่สถานประกอบการ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการผลิตและประกอบธุรกิจ ส่งผลดีต่อผู้บริโภค ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ นอกจากนี้ สถานประกอบการก็สามารถใช้แหล่งเงินทุนนั้นเพื่อผลิตต่อไป”
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแสดงความคิดเห็นว่า ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ถึงแม้เศรษฐกิจเวียดนามในหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณที่น่ายินดีแต่กระบวนการฟื้นตัวยังไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังได้ ควบคู่กันนั้น ตลาดโลกก็มีความยากลำบากต่างๆ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความไร้เสถียรภาพในอนาคต แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานประสบอุปสรรค การปะทะทางภูมิศาสตร์การเมืองและการเพิ่มราคาของพลังงาน เป็นต้น ซึ่งส่งแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจเวียดนาม ดังนั้น ถึงแม้เศรษฐกิจมีสัญญาณที่น่ายินดีแต่สถานประกอบการยังประสบอุปสรรคนานัปการ
เพื่อธำรงอัตราการขยายตัวในการผลิตและประกอบธุรกิจในระยะกลางและระยะยาว นาย ฝ่ามต๊วนแอง รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามเสนอว่า
“ต้องเป็นฝ่ายรุกในการปฏิบัตินโยบายสนับสนุนสถานประกอบการที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลต่อไปเพื่อช่วยแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ในการผลิตและประกอบธุรกิจของสถานประกอบการ โดยเฉพาะหน่วยงานหลักในการส่งออก พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติโครงการผลิตใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ สร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาการผลิตและแหล่งสินค้าสำหรับการส่งออก”
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อหาตลาดให้แก่สินค้า สถานประกอบการหลายแห่งได้ผลักดันทั้งการส่งออกและการขยายตลาดภายในประเทศ มีการปรับเปลี่ยนสินค้าอย่างคล่องตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยสถานประกอบการหลายแห่งได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการผลิตเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้แก่สถานประกอบการ พร้อมทั้งระดมพลังทุกแหล่งเพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่อุปกรณ์และเทคโนโลยี ผลักดันการเชื่อมโยงในเครือข่ายอุปทานภายในประเทศ ลดการพึ่งพาประเทศอื่นๆ ยกระดับคุณภาพของสินค้า ลดราคาของสินค้าและการให้บริการเพื่อใช้โอกาสปรับปรุงและครองส่วนแบ่งตลาดอย่างเข้มแข็ง
ถึงแม้ได้รับผลกระทบในทางลบจากเศรษฐกิจโลก แต่การขยายตัวในการผลิตและประกอบธุรกิจถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีที่สร้างพลังขับเคลื่อนอย่างเข้มแข็งให้เศรษฐกิจเวียดนามในเวลาที่เหลือของปี 2024 และปีต่อๆ ไป.