พัฒนาเครื่องหมายการค้าของกาแฟเวียดนามเพื่อผสมผสานเข้ากับกระแสโลก

(VOVWORLD) -ความท้ายทายต่างๆของอุตสาหกรรมการเกษตรเวียดนามบวกกับการที่เวียดนามเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีใหม่ๆ เช่น ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม – อียูหรืออีวีเอฟทีเอ ข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือซีพีทีพีพีและข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคหรือ RCEP ทำให้ห่วงโซ่มูลค่าของกาแฟเวียดนามกำลังเผชิญความท้าทายที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่และต้องประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาและผสมผสาน 
พัฒนาเครื่องหมายการค้าของกาแฟเวียดนามเพื่อผสมผสานเข้ากับกระแสโลก - ảnh 1รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบท (คนที่สองจากซ้าย) เยือนสวนปลูกกาแฟที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในอำเภอ Cư Mgar จังหวัด Đắk Lắk

จากการตระหนักได้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้ผลิตกาแฟในเขตที่ราบสูงเตยเงวียน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกาแฟหลักของเวียดนามได้พยายามเปลี่ยนแปลงใหม่และประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการผลิตและประกอบธุรกิจด้านกาแฟ

นาย เหงียนเท้ลอง จากสถาบันนโยบายและยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตรและชนบทเวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงใหม่และประยุกต์ใช้นวัตกรรมในห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมกาแฟคือยุทธศาสตร์ในระยะยาว ซึ่งต้องการมีขั้นตอนปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม มีการสนับสนุนและการเชื่อมโยงจากระบบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง สำหรับสถานประกอบการเวียดนาม จำเป็นต้องสร้างความหลากหลายและยกระดับคุณภาพของกาแฟสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มมูลค่า ส่วนผู้ปลูกกาแฟก็ต้องทำการผลิตแบบยั่งยืน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตเพื่อขยายพื้นที่ปลูกกาแฟที่ได้รับใบรับรองต่างๆ เพื่อตอบสนองมาตรฐานที่เข้มงวดของตลาดสำคัญๆในขณะที่กาแฟคือสินค้าหลักของเวียดนามที่เข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่เหล่านี้            “เราควรพยายามบรรลุมาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อพัฒนากาแฟอย่างยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่น มาตรฐาน 4C ซึ่งเป็นหลักการสำหรับประชาคมกาแฟ และมาตรฐาน UTZ ถ้าหากเราบรรลุมาตรฐานเหล่านี้ก็สามารถบรรลุมาตรฐานเกี่ยวกับ SPS หรือข้อตกลงเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้มาตรการกักกันพืชและสัตว์ขององค์การการค้าโลกและคำมั่นต่างๆเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้เราค่อยๆบรรลุมาตรฐานต่างๆของอียู

พัฒนาเครื่องหมายการค้าของกาแฟเวียดนามเพื่อผสมผสานเข้ากับกระแสโลก - ảnh 2 ขั้นตอนการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพสูง

สิ่งที่น่ายินดีคือ ผู้ปลูกและผู้ผลิตกาแฟนับวันตระหนักได้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้และมีแนวทางพัฒนาที่เหมาะสม ในการสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับโครงการเปลี่ยนแปลงใหม่และประยุกต์ใช้นวัตกรรมของอุตสาหกรรมกาแฟ จัดโดยองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศเยอรมนีและสมาคมกาแฟบวนมาถวดเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นาย เหงียนชีเซ้า ประธานกรรมการผู้บริหาร ผู้อำนวยการของสหกรณ์การผลติเกษตรและการค้าเซ้าญุงในอำเภอดั๊กห่า จังหวัดกอนตุมได้แสดงความคิดเห็นว่า ทางสหกรณ์ฯ กำลังปลูกกาแฟในพื้นที่ 300 เฮกตาร์ตามมาตรฐานของเกษตรอินทรีย์ โดยใช้ระบบรดน้ำแบบชุดพ่นละอองและระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ทันสมัย แต่เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น ทางสหกรณ์ได้เน้นนำนวัตกรรมต่างๆมาประยุกต์ใช้ในการผลิตและเพิ่มความรู้ให้แก่ผู้ผลิต            “ 5 จังหวัดในเขตที่ราบสูงเตยเงวียนเน้นปลูกกาแฟ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงและประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อสามารถผลิตกาแฟที่มีคุณภาพสูง ขณะนี้ ผู้ปลูกกาแฟทุกคนต้องตระหนักได้ดีถึงเรื่องนี้เพื่อสามารถนำสินค้าไปเจาะตลาดต่างๆ โดยเฉพาะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทผลิตกาแฟระดับโลก

นาย เลดึ๊กฮวี รองผู้อำนวยการบริษัท Simexco Đăk Lăk ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามได้ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงใหม่และประยุกต์ใช้นวัตกรรมคือกุญแจแห่งความสำเร็จของบริษัทในสภาวการณ์ที่การผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและการแข่งขันนับวันรุนแรงมากขึ้น            “จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใหม่และประยุกต์ใช้นวัตกรรมในอุตสาหกรรมกาแฟเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคในทั่วโลกรับทราบเกี่ยวกับคุณภาพและเครื่องหมายการค้าของกาแฟเวียดนาม ต้องเพิ่มทักษะความสามารถของเกษตรกรเพื่อให้พวกเขาทราบว่า ในทั่วโลกยังมีกาแฟที่อร่อยหลากหลายชนิดจึงต้องยกระดับคุณภาพกาแฟของเรามากขึ้น

จากความเข้าใจและความตั้งใจ ผู้ปลูก ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายกาแฟเวียดนามยังมีความคิดสร้างสรรค์ต่อไปเพื่อสามารถปรับตัว ฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ ธำรงอัตราการขยายตัว ยกระดับประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิต คุณภาพและยืนยันเครื่องหมายการค้าของกาแฟเวียดนามในตลาดโลก.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด