(VOVWORLD) - ท่ามกลางผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอยหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่นครไฮฟองยังคงมีอัตราการเติบโตหรือ GRDP อยู่ในระดับสูง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.65 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยของประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับสูงและมั่นคงเป็นพื้นฐานเพื่อให้นครไฮฟองสร้างก้าวกระโดด และเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การเติบโตของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำแดงและของประเทศ
สถานประกอบการในนครไฮฟองยังเติบโตอย่างมั่นคงในช่วงเดือนแรกของปี 2023 |
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจไฮฟองได้ประสานกับกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการสนทนาและแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการในเขตนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจ โดยอุปสรรคของนักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับระเบียบราชการ ศุลกากรและความมั่นคงในเขตนิคมอุตสาหกรรมได้รับการแก้ไขแล้ว ซึ่งมีส่วนร่วมส่งเสริมการผลิตและประกอบธุรกิจของสถานประกอบการ ไฮฟองยังมีวิธีการปฏิบัติใหม่ๆ มากมายเพื่อดึงดูดการลงทุน อาทิการส่งคณะผู้แทนไปยังสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อแนะนำและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับศักยภาพและจุดแข็งของนครฯ คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจไฮฟองยังประสานกับกระทรวงวางแผนและการลงทุนจัดการส่งเสริมการค้ากับสถานประกอบการไต้หวัน ประเทศจีนและสมาคมสถานประกอบการยุโรปในเวียดนาม เพื่อตอบสนองความต้องการในการขยายการผลิตของบริษัทและกลุ่มเศรษฐกิจอย่างทันท่วงที รวมทั้งการปรับปรุงและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของเขตนิคมอุตสาหกรรม
ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ไฮฟองได้ดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นโครงการจดทะเบียนใหม่ 17 โครงการ และโครงการปรับปรุงเงินทุน 9 โครงการ มีเงินลงทุนภายในประเทศหรือ DDI เกือบ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นท้องถิ่นนำหน้าเกี่ยวกับการดึงดูดเงินลงทุนของประเทศ ในการพบปะหารือกับคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจไฮฟองเพื่อศึกษาโอกาสการลงทุนในนครฯ นาย Chen Hung Chin ประธานสภาบริหารของบริษัท Wieson สมาคมสถานประกอบการเครื่องกลไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ไต้หวัน ประเทศจีน ได้เผยว่า
“เรามีความประทับใจมากต่อศักยภาพ ความได้เปรียบและนโยบายดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะ การสนับสนุน ความสนใจและการช่วยเหลือของผู้บริหารนครไฮฟองต่อนักลงทุน ซึ่งจากเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยเหล่านี้ สถานประกอบการไต้หวันได้จัดทำแผนการลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจในนครไฮฟอง”
อุปสรรคและความยากลำบากที่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที การผลิตและประกอบธุรกิจของสถานประกอบการที่มีเสถียรภาพและพัฒนาได้มีส่วนร่วมทำให้มูลค่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมหรือ IIP ของไฮฟองในช่วงต้นปีนี้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้น อุตสาหกรรมการก่อสร้างและการบริการของไฮฟองยังคงได้รับการธำรงและพัฒนา ซึ่งช่วยให้ไฮฟองบรรลุอัตราการเติบโต GRDP ที่ร้อยละ 9.65 ในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยของประเทศและอยู่อันดับหนึ่งในนครสังกัดส่วนกลาง นาย เลยาฟอง อธิบดีกรมสถิติไฮฟอง วิเคราะห์ว่า
“ไฮฟองมีผลิตภัณฑ์ใหม่และโครงการใหม่ที่เริ่มดำเนินการจึงมีส่วนร่วมต่อการรักษาอัตราการเติบโต อุตสาหกรรมการก่อสร้างและการบริการยังคงมีส่วนร่วมหลักต่อภาคเศรษฐกิจ สำหรับภาคบริการ หลังจากที่การแพร่ระบาดได้รับการควบคุม และทางการนครฯปฏิบัตินโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาการบริการและการท่องเที่ยว การเติบโตของการท่องเที่ยวก็อยู่ในระดับสูง ดังนั้น อุปทานของสินค้าขายปลีกและการบริการของนครไฮฟองจึงเติบโตตามไปด้วย”
นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ่ง ลงพื้นที่ตรวจราชการที่เมืองท่าไฮฟอง |
ควบคู่กับดัชนีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับสูง หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ไฮฟองยังคงนำหน้าคือผลการเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐ โดยจนถึงสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไฮฟองได้เบิกจ่ายเงินไปแล้วประมาณ 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บรรลุประมาณร้อยละ 31 ของแผนการที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย และสูงกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยของประเทศ นาย เหงียนหว่างลอง หัวหน้าสำนักงานวางแผนและการลงทุนของนครไฮฟอง ยืนยันว่า
“นี่เป็นครั้งแรกที่นครไฮฟองบรรลุอัตราการเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐในระดับสูงสุดภายในไตรมาสแรก คณะกรรมการบริหารโครงการล้วนมีอัตราการเบิกจ่ายเงินที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ คณะกรรมการพัฒนาตัวเมืองและกิจการพลเรือน ในไตรมาสแรก ไฮฟองได้ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงตัวเมืองให้มีความทันสมัย เปิดการก่อสร้างและเปิดใช้โครงการสำคัญด้านคมนาคมและตัวเมืองหลายโครงการ”
เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติการปรับปรุงการวางผังนครไฮฟองจนถึงปี 2040 และวิสัยทัศน์ถึงปี 2050 โดยกำหนดเป้าหมายการสร้างสรรค์และพัฒนานครไฮฟองให้กลายเป็นนครเดินหน้าในภารกิจการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย เป็นพลังขับเคลื่อนของการพัฒนาในเขตภาคเหนือและประเทศ ด้วยวิสัยทัศน์จนถึงปี 2045-2050 ไฮฟองถูกกำหนดให้เป็นนครที่มีการพัฒนาในระดับสูงในกลุ่มนครชั้นนำของภูมิภาคและของประเทศ
ในโอกาสลงพื้นที่นครไฮฟองและเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเขตนิคมอุตสาหกรรมและเขตปลอดภาษี ซวนโก่วในอำเภอก๊าตหายเมื่อเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า ไฮฟองต้องยืนยันถึงบทบาทในการเป็นหัวเรือและเป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาของภูมิภาคและของประเทศ
“ไฮฟองตั้งอยู่ในเขตสามเหลี่ยมพัฒนา ไฮฟองได้พัฒนาแล้วแต่ต้องสร้างก้าวกระโดดให้มากขึ้นและมีความรับผิดชอบต่อประเทศ ผมเชื่อมั่นว่า ไฮฟองสามารถปฏิบัติเรื่องนี้ได้ ผมเสนอให้ไฮฟองเชื่อมโยงกับจังหวัดและนครต่างๆ ในภูมิภาคและประเทศให้แน่นแฟ้นมากขึ้น พัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ต้องยั่งยืน ค้ำประกันความมั่นคงและกลาโหมในภูมิภาคที่สำคัญนี้”
เพื่อธำรงการพัฒนาที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป กลายเป็น “พลังขับเคลื่อนของการพัฒนาในเขตภาคเหนือและของทั้งประเทศ” นครไฮฟองได้เดินหน้าพัฒนารูปแบบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจตามแนวทางพัฒนา 3 เสาหลักที่ถูกกำหนดคือ “อุตสาหกรรมไฮเทค ท่าเรือ - โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว – การค้า” โดยก่อนอื่น ทางนครฯกำลังผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล เน้นแก้ไขอุปสรรค อำนวยความสะดวกให้แก่การผลิต การประกอบธุรกิจ เร่งผลักดันโครงการอุตสาหกรรม สร้างกำลังการผลิตและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้แก่เศรษฐกิจ พยายามบรรลุอัตราการเเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 12.7-13 ตามแผนการที่วางไว้.