(VOVWORLD) - เมื่อมีงานเทศกาลหรือวสันตฤดูเวียนมา ชนเผ่าม้งจะจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นเมืองต่างๆ ที่หลากหลายสีสัน โดยจุดเด่นคือการตี ตูลู ที่ได้รับการสืบทอดและอนุรักษ์จนเป็นวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน ซึ่งถึงแม้วิธีการเล่นจะไม่ยาก แต่ผู้เล่นก็ต้องมีพละกำลังที่ดี คล่องตัว มีไหวพริบและความแม่นยำ
การแข่งขันการละเล่นพื้นเมืองดั้งเดิมของกลุ่มชนเผ่าม้งเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลดอกเซินชาปี 2023 ที่มีขึ้นในหมู่บ้าน หง็อกเจี๊ยน อำเภอเหมื่องลา จังหวัดเซินลา
มี 16 ทีมจากจังหวัดเซินลาและจังหวัดเอียนบ๊าย เข้าร่วมการแข่งขันการตีตูลู
ลูกตูลู เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตชาวม้งมาตั้งแต่เด็กๆ โดยคุณพ่อคุณแม่หรือปู่ย่าตายายจะทำลูกตูลูให้ลูกหลานไปเล่นกับเพื่อนๆ เมื่อพวกเขาอายุ 5-6 ขวบ
เนื่องจากเวลาเล่นตูลูมักจะมีการตีกระทบลูกตูลูแรง ๆ ผู้เล่นจึงเลือกไม้เนื้อแข็งและมีความยืดหยุ่นเพื่อเอามาทำลูกตูลู
ไม้ที่ถูกเลือกจะนำไปเหลาให้มีปลายแหลมทั้งสองด้าน โดยปลายที่แหลมกว่าจะถูกตอกด้วยตะปู ส่วนปลายอีกด้านจะถูกเหลาให้แบนเรียบเพื่อใช้ตีกระทบกับลูกตูลูของผู้เล่นคนอื่น
เชือกหมุนลูกตูลูในภาษาม้งเรียกว่า ลัว ซึ่งทำจากใยปอที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร แล้วได้ต่อกับไม้แท่งหนึ่งที่ชาวม้งเรียกว่า ปา ซึ่งทำจากกิ่งไม้แข็งหรือกิ่งไผ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าหัวแม่มือ และมีความยาวราว 40-60 เซนติเมตร
สนามเล่นตูลูมักจะเป็นพื้นที่เรียบและกว้างเพื่อความปลอดภัยสำหรับการแข่งขันและรองรับกองเชียร์ที่เข้าร่วมกิจกรรม
การเล่นตูลูนั้นมีวิธีการเล่นที่หลากหลายและรูปแบบการแข่งขันที่แตกต่างในแต่ละภูมิภาค โดยการแข่งขันในรูปแบบการแสดงและการชนตูลู ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด
ในงานครั้งนี้ 16 ทีมจะมีการแข่งขันการตีตูลูที่ในภาษาม้งเรียกว่า เต่าตั่ว
สาวๆ ชาวม้งในชุดแต่งกายพื้นเมือง
หนึ่งรอบการแข่งขัน จะมี 2 ทีมเข้าร่วมต่อ โดยมีหนึ่งทีมตีลูกตูลูของตัวเองก่อน แล้วอีกทีมจะใช้ลูกตูลูชนกับลูกตูลูของคู่แข่ง
แต่ละทีมจะตีลูกตูลูทั้งหมด 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะมีระยะห่าง 3-6 เมตร ซึ่งการตีลูกตูลูครั้งสุดท้ายจะมีความท้าทายมากที่สุดและดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมากพร้อมเสียงเชียร์ดังลั่นสนาม
สำหรับการแข่งขันการตีลูกตูลู ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นผู้มากประสบการณ์ ส่วนในการเล่นแบบกระชับมิตร ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเล่นได้
นอกจากนั้น ยังมีการจัดการแข่งขันการทำขนมแบ๊งใหญ่และการวาดภาพด้วยขี้ผึ้ง
เทศกาลครั้งนี้ได้สร้างบรรยากาศที่คึกคัก โดยดึงดูดชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าร่วมงานเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวม้งในพื้นที่.