จีนประกาศหนังสือปกขาวคัดค้านคำวินิจฉัยของพีซีเอ
(VOVworld) – หนังสือปกขาวมี 5 ส่วน รวมเนื้อหา 143 ข้อ โดยกล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่า “ประวัติศาสตร์อธิปไตย” ของจีนในทะเลตะวันออก ความเข้าใจร่วมที่ได้บรรลุระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ในการแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออก
จีนจัดการแถลงข่าวประกาศหนังสือปกขาวคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลพีซีเอ
|
(VOVworld) – ผู้สื่อข่าวของวีโอวีประจำประเทศจีนรายงานว่า เช้าวันที่ 13 กรกฎาคม สำนักรัฐบาลจีนได้จัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อประกาศสิ่งที่เรียกว่า “หนังสือปกขาวจีนยืนหยัดผ่านการเจรจาเพื่อแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกกับฟิลิปปินส์” โดยนาย หลิว เจิ้น หมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเป็นประธานการประชุม หนังสือปกขาวมี 5 ส่วน รวมเนื้อหา 143 ข้อ โดยกล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่า “ประวัติศาสตร์อธิปไตย” ของจีนในทะเลตะวันออก ความเข้าใจร่วมที่ได้บรรลุระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ในการแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออก ปฏิบัติการของฟิลิปปินส์เกี่ยวข้องถึงการพิพาทอธิปไตยในทะเลตะวันออก นโยบายของจีนในการแก้ไขปัญหาทะเลตะวันออก ในหนังสือเล่มนี้ จีนได้ประกาศอย่างอุกอาจว่า มีอธิปไตยเหนือทุกหมู่เกาะในทะเลตะวันออก เสนอหลักฐานข้อมูลที่ไม่ต่อเนื่องเพื่อพยายามพิสูนจ์ให้โลกเห็นว่า ประชาคมโลกได้มีความคิดเห็นที่รับรองอันที่เรียกว่า อธิปไตยของจีนในทะเลตะวันออก พร้อมทั้งมีเนื้อหาส่วนใหญ่ที่ตำหนิฟิลิปปินส์ที่ได้ยื่นฟ้องจีนเรื่องการพิพาทในทะเลตะวันออกต่อศาลอนุญาโตตุลาการหรือพีซีเอ ตำหนิศาลฯและคำวินิจฉัยของศาล ยืนยันอีกครั้งถึงจุดยืนที่ไม่ยอมรับ ไม่รับรองและไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลฯ สำหรับแนวทางการแก้ไขการพิพาทอธิปไตยในทะเลตะวันออก หนังสือปกขาวได้ย้ำอีกครั้งถึงแนวทางที่ต้อง “ให้ความเคารพความจริงทางประวัติศาสตร์” และ “ยืนหยัดการเจรจาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรง” ถึงแม้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายสากลด้วยการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลอนุญาโตตุลาการ แต่หนังสือปกขาวเล่มนี้ยังแสดงความเห็นว่า “จีนให้ความเคารพหลักการของกฎบัตรของสหประชาชาติอยู่เสมอ ยืนหยัดปกป้องและผลักดันความเป็นระเบียบของกฎหมายสากล” หนังสือปกขาวดังกล่าวถูกประกาศหลังจากศาลอนุญาโตตุลาการปฏิเสธคำเรียกร้องที่ไร้มูลความจริง “เส้นประ 9 เส้น” ของจีนในทะเลตะวันออก 1 วัน นี่คือปฏิกิริยาที่แข็งกร้าวต่อเนื่องของจีนได้ออกหลังจากรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศจีนประกาศคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลฯเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม.
ผู้สื่อข่าวของวีโอวีประจำประเทศจีน