ที่ประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 9 สมัยที่ 14 ช่วงที่ 2 จะอนุมัตินโยบายสำคัญๆเพื่อฟื้นฟูการผลิตและประกอบธุรกิจ (quochoi.vn)

ในการกล่าวปราศรัยประเมินผลการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ของสภาแห่งชาติในระหว่างวันที่ 20-28 พฤษภาคม นาง เหงียนถิกิมเงิน ประธานสภาแห่งชาติได้เผยว่า สภาแห่งชาติได้หารือร่างกฎหมาย 10 ฉบับ ร่างมติ 7 ฉบับ ตรวจสอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับการปฏิบัตินโยบาย กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและต่อต้านการล่วงละเมิดเด็ก รับฟังรายงานเกี่ยวกับร่างกฎหมายอีก 6 ฉบับและรายงานต่างๆเกี่ยวกับเศรษฐกิจสังคมและงบประมาณแผ่นดิน “ด้วยความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบสูงต่อประชาชนและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ สภาแห่งชาติได้เป็นฝ่ายรุก ในการเปลี่ยนแปลงใหม่และประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพื่อปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เป็นจริง นับเป็นครั้งแรกที่สภาแห่งชาติได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน ซึ่งยังคงค้ำประกันกรอบเวลาและคุณภาพ และการประชุมยืนยันอีกครั้งว่า ในทุกสถานการณ์ สภาแห่งชาติก็พยายามอย่างสุดความสามารถและมีความรับผิดชอบเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศ”

ตามความเห็นของประธานสภาแห่งชาติ เหงียนถิกิมเงิน การประชุมสภาแห่งชาติระยะที่ 2 จะมีขึ้นเป็นเวลาเกือบ 11 วัน โดยที่ประชุมจะพิจารณาและอนุมัตินโยบายที่มีความหมายสำคัญเพื่อฟื้นฟูการผลิต ประกอบธุรกิจ ให้การช่วยเหลือประชาชนและสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเพื่อพยายามบรรลุเป้าหมายและหน้าที่พัฒนาเศรษฐกิจสังคมปี 2020 และการพัฒนาในเวลาที่จะถึงให้อยู่ในระดับสูงสุด

ในการประชุมในเช้าวันเดียวกัน บรรดาผู้แทนได้อนุมัติมติให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออีวีเอฟทีเอ มติให้สัตยาบันข้อตกลงคุ้มครองการลงทุนระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออีวีไอพีเอ ซึ่งคาดว่า จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ รายงานชี้แจ้ง รวบรวมความคิดเห็นและให้สัตยาบันข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-อียูหรืออีวีเอฟทีเอ นาย เหงียนวันเหย่า หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศของสภาแห่งชาติได้แสดงความเห็นว่า “การให้สัตยาบันข้อตกลงสอดคล้องกับแนวทางด้านการต่างประเทศ มุ่งสู่ตลาด 27 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีประเทศชั้นนำของโลกเกี่ยวกับการลงทุนและการค้า ช่วยผลักดันมูลค่าการค้าต่างตอบแทน เข้าร่วมห่วงโซ่จัดสรรในโลก เพิ่มขอบเขตการส่งออกที่เป็นจุดแข็ง เช่นสินค้าเกษตร สัตว์น้ำ สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้า วัตถุดิบ เครื่องจักรกล โดยเฉพาะ เครื่องสำอางราคาถูกและมีคุณภาพสูง อีวีเอฟทีเอยังเป็นโอกาสผลักดันการปฏิรูประเบียบราชการ ปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้นและปฏิรูปกลไก  ดึงดูดเงินลงทุน เข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสะอาดจากยุโรป”

ส่วนในช่วงบ่าย บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติได้หารือตามหน่วยเกี่ยวกับรายงานเศรษฐกิจสังคมและงบประมาณแผ่นดิน โดยแสดงความเห็นว่า เป้าหมายอันดับต้นๆในปัจจุบันคือต้องไม่ประมาทและต้องรักษาผลงานการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถ้าอยากฟื้นฟูเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อรับกระแสการลงทุน โดยมาตรการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคต้องได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ

ส่วนนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้แสดงความเห็นว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายตัวด้านเศรษฐกิจในปีนี้ตั้งแต่ร้อยละ 4-4.5  ต้องมีการเข้าร่วมของพรรค ประชาชนและกองทัพเพื่อร่วมกันแก้ไขอุปสรรคและฟันฝ่าความท้าทาย “ในสมัยต่อไป พวกเราต้องมีแนวทางและมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เกาะติดและแก้ไขอุปสรรคอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้อนรับกระแสการลงทุนใหม่เข้าเวียดนามซึ่งเป็นความต้องการที่ยิ่งใหญ่ รัฐบาลได้ยื่นเสนอต่อสภาแห่งชาติเกี่ยวกับกลไก ถ้าหากในปีนี้ มีกระทรวงและท้องถิ่นไหนที่ไม่เบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐ พวกเราจะโยกเงินลงทุนไปให้แก่กระทรวงและท้องถิ่นที่มีความต้องการแทน”.