นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เผยว่า เวียดนามให้ความสนใจต่อเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยต้องระดมแหล่งเงินทุนต่างๆรวมทั้งการส่งเสริมบทบาทของศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาคและนานาชาติ เวียดนามยังตั้งเป้าไว้ว่า อัตราการขยายตัวจีดีพีในปีต่อๆไปจะอยู่ที่ร้อยละ 8 จนถึงเลขสองหลัก ดังนั้น ยอดเงินลงทุนในสังคมต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 -50 ต่อปี ซึ่งแต่ละปี เวียดนามต้องการเงินจำนวน 1 แสน 6 หมื่นล้าน- 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนา โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เวียดนามต้องกำหนดพลังขับเคลื่อนการขยายตัวใหม่ รวมทั้งการพัฒนาศูนย์การเงินระดับภูมิภาคและนานาชาติและการปฏิบัติโครงการหลักของประเทศ

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เผยว่า เวียดนามมี 5 เงื่อนไขเพื่อพัฒนาศูนย์การเงินระดับภูมิภาคและนานาชาติได้แก่ หนึ่งคือ เศรษฐกิจเวียดนามอยู่อันดับที่ 33 ของโลก สองคือ อัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพ สามคือเวียดนามกำลังปฏิบัติ 3 ก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการปรับปรุงกลไก การพัฒนาแหล่งบุคลากร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างพร้อมเพรียง ทันสมัยและบรรลุผลงานในเชิงบวก สี่คือ การพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามอยู่อันดับหนึ่งในภูมิภาค โดยมูลค่าตลาดของหลักทรัพย์อยู่ที่เกือบ 2 แสน 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ห้าคือ เวียดนามมีความได้เปรียบด้านเสถียรภาพทางการเมืองและบรรยากาศที่สันติภาพ ซึ่งการพัฒนาศูนย์กลางการเงินระดับภูมิภาคและนานาชาติเป็นความต้องการเชิงภาวะวิสัยในการพัฒนาของประเทศ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กำชับให้กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลในการจัดทำเพื่อยื่นเสนอให้สภาแห่งชาติพิจารณากลไกและนโยบายสำหรับศูนย์ฯ

ในเช้าวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เข้าร่วมพิธีมอบประกาศเกียรติคุณเป็นวีรชนกองกำลังติดอาวุธประชาชนให้แก่กองกำลังติดอาวุธนครโฮจิมินห์เนื่องจากมีผลงานยอดเยี่ยมพิเศษในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  การสร้างสรรค์กองทัพประชาชน งานด้านกลาโหม มีส่วนร่วมต่อภารกิจการสร้างสรรค์และปกป้องปิตภูมิ.