นาย ซารีฟ ได้ประกาศบนเครื่อข่ายสังคมออนไลน์ Twitter ว่า จากการตัดสินใจคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐเป็นการท้าทายสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อชาวอิหร่าน

ในขณะเดียวกัน นาย Steffen Seibert โฆษกรัฐบาลเยอรมนีได้เผยว่า จำเป็นต้องสนับสนุนการประกอบธุรกิจที่ชอบธรรมกับอิหร่านและเยอรมนีกำลังแสวงหามาตรการปกป้องบริษัทต่างๆจากผลกระทบในทางลบของมาตรการคว่ำบาตร

ในวันเดียวกัน อังกฤษได้แสดงความเสียใจเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวของสหรัฐ โดยโฆษกของนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ยืนยืนอีกครั้งถึงทัศนะของลอนดอนว่า ข้อตกลงอิหร่านช่วยให้โลกมีความปลอดภัยมากขึ้น หากอิหร่านยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับนี้ อังกฤษก็จะให้ความเคารพเช่นกัน บนเจตนารมณ์ดังกล่าว รัฐบาลอังกฤษจะสนับสนุนการขยายความสัมพันธ์ด้านการค้ากับอิหร่านและส่งเสริมให้สถานประกอบการอังกฤษใช้โอกาสด้านการค้ากับอิหร่านต่อไป

ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ฮัวซุนหญิง ได้กล่าวตำหนิมาตรการคว่ำบาตรใหม่ของสหรัฐที่มุ่งเป้าไปยังอุตสาหกรรมปิโตรเลี่ยมและการเงินของอิหร่าน พร้อมทั้งให้คำมั่นว่า จีนจะธำรงความสัมพันธ์ทางการค้ากับอิหร่านต่อไป

ในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบจามิน เนธันยาฮู ได้ชื่นชมการตัดสินใจคว่ำบาตรอิหร่านของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยกล่าวปราศรัยยืนยันกับสมาชิกของพรรค Likud ว่า นี่คือการตัดสินใจที่ “สำคัญและเด็ดขาดเพื่อมีส่วนร่วมต่อสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคง”.