ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน ให้การต้อนรับรองประธานวุฒิสภาอินโดนีเซีย
(VOVWORLD) - บ่ายวันที่ 12 มิถุนายน ณ อาคารสภาแห่งชาติในกรุงฮานอย ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน ได้ให้การต้อนรับนาย Mahyudin รองประธานวุฒิสภาอินโดนีเซีย
ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน ให้การต้อนรับรองประธานวุฒิสภาอินโดนีเซีย |
ในการนี้ ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน ได้ย้ำว่า มิตรภาพและความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียมีการพัฒนาที่เข้มแข็งอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามให้ความสำคัญและมีความประสงค์ว่า ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซียจะได้รับการยกระดับขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ อีกทั้ง ชื่นชมความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การสร้างกรอบทางนิตินัยระหว่างสำนักงานนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศในเวลาที่ผ่านมา ในกรอบพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายได้ให้การสนับสนุนกันในฟอรั่มรัฐสภาระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคอยู่เสมอ
ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน แสดงความเห็นว่า ศักยภาพความร่วมมือด้านการค้าระหว่างทั้งสองประเทศยังคงมีอีกมาก และมีความเป็นไปได้สูงในการบรรลุเป้าหมายทำให้มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่ 1 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028 ถ้าหากทั้งสองฝ่ายประสานงานและปฏิบัติความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศอย่างแข็งขัน อีกทั้ง เสนอให้ทั้งสองประเทศส่งเสริมการปฏิบัติตามบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือด้านการประมงอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งลงนามเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านประมง การพัฒนาอาชีพทำประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุมหรือ IUU สำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศ ประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน เสนอว่า ในเวลาอันใกล้นี้ ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนและการพบปะระดับสูงและทุกระดับ ส่งเสริมการพบปะสังสรรค์และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างสำนักงานนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะระหว่างคณะกรรมาธิการด้านวิชาชีพของรัฐสภา กลุ่มส.สมิตรภาพ ส.สสตรีและส.ส รุ่นใหม่
ส่วนนาย Mahyudin รองประธานวุฒิสภาอินโดนีเซียยืนยันว่า วุฒิสภาอินโดนีเซียมีความประสงค์ที่จะสร้างความสัมพันธ์ความร่วมมือเพื่อมุ่งสู่อนาคต แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศ อีกทั้ง เห็นพ้องกับความเห็นของประธานสภาแห่งชาติ เจิ่นแทงเหมิน ที่ต้องเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ผู้นำของทั้งสองประเทศตั้งเป้าไว้ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องแปรเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาค รวมทั้ง เศรษฐกิจดิจิทัลและพลังงานหมุนเวียนที่ทั้งสองประเทศมีความต้องการ และอำนวยความสะดวกด้านนิตินัยที่ดีที่สุดให้แก่สถานประกอบการของทั้งสองประเทศเพื่อร่วมกันพัฒนา.