(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม กองกำลังชั่วคราวสหประชาชาติในเลบานอน หรือ UNIFIL ได้เผยว่า มีเจ้าหน้าที่ 2นาย ได้รับบาดเจ็บจากเหตุรถถังของอิสราเอลยิงปืนใหญ่ใส่หอสังเกตุการณ์ที่ฐานของ UNIFIL บริเวณเขต ราส อัล-นากูรา ทางทิศใต้ของเลบานอน
ส่วนกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF ได้เผยว่า ได้ทำการโจมตีใส่เขต นากูรา ใกล้ฐานของ UNIFIL ซึ่งประเทศต่างๆได้ประณามการกระทำดังกล่าวของอิสราเอล
นาย กีโด โครเซตโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิตาลีได้ย้ำว่า การโจมตีใส่ฐานของ UNIFIL เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ก่อนหน้านั้น กระทรวงกลาโหมอิตาลีได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตอิสราเอล ณ กรุงโรมเข้าพบเพื่อประท้วงเหตุการณ์ดังกล่าว
ในวันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสได้เรียกร้องให้ทางการอิสราเอลอธิบายเกี่ยวกับการกระทำนี้ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศแคนาดาได้เผยว่า การที่ทหารอิสราเอลโจมตีใส่ฐานของ UNIFIL เป็นเรื่องที่อันตราย พร้อมทั้งเรียกร้องให้รักษาความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพ ทีมกู้ภัยและฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องในเลบานอน
ในวันเดียวกัน ทางการเลบานอนได้เผยว่า ได้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 รายและได้รับบาดเจ็บ 117 รายจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอลใส่ใจกลางกรุงเบรุต ซึ่งสื่อในภูมิภาคได้รายงานว่า นี่คือการโจมตีครั้งใหญ่ใส่กรุงเบรุตนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดการโจมตีใส่เลบานอนเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมาและการปะทะระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เมื่อ 1 ปีก่อน
ส่วนกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF ได้เผยว่า การโจมตีครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสังหาร Wafiq Safa แกนนำของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ พร้อมทั้งเผยว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้โจมตีด้วยการยิงจรวดและเครื่องบินไร้คนขับใส่พื้นที่ภาคเหนือของอิสราเอล โดยเมื่อบ่ายวันที่ 10 ตุลาคม ได้ยิงจรวด 50 ลูกใส่เขตเอเคอร์ นาฮาริยา และกาลิลี ทางทิศตะวันตก.
บ๊าที นักข่าวของวีโอวี ณ อียิปต์