ก่อนหน้านั้น ณ กรุงเทลอาวีฟ  รองนายกรัฐมนตรี เจิ่นลิวกวาง ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ในการนี้ รองนายกรัฐมนตรี เจิ่นลิวกวาง ได้ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านกับอิสราเอล ชื่นชมก้าวพัฒนาของความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศในตลอด 30 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายต้องให้ความสนใจต่อความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อีกทั้งยืนยันว่า เวียดนามอำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการอิสราเอลในการผลักดันการลงทุนในเวียดนาม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านที่เป็นจุดแข็งของอิสราเอล เช่น การทำธุรกิจสตาร์ทอัพ การพัฒนานวัตกรรม การเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งเสนอให้อิสราเอลผลักดันการเจรจาและลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านแรงงานโดยเร็ว

ส่วนนายกรัฐมนตรี  เบนจามิน เนทันยาฮู ยืนยันว่า เวียดนามเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของอิสราเอล  ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพความร่วมมืออีกมาก โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทำธุรกิจสตาร์ทอัพ การเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการน้ำและสาธารณสุข

ก่อนการเจรจา ผู้นำทั้งสองประเทศได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอิสราเอลหรือ  VIFTA ซึ่งมีขึ้นประจวบกับโอกาสรำลึกครบรอบ 30 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ อิสราเอลเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันตกที่เวียดนามลงนามข้อตกลง FTA และเวียดนามเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อิสราเอลลงนามข้อตกลง FTA ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่สำคัญที่มีส่วนร่วมต่อการปรับปรุงกรอบทางนิตินัยให้มีความสมบูรณ์ สร้างก้าวกระโดดให้แก่ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศในเวลาที่จะถึง การลงนามและปฏิบัติข้อตกลงดังกล่าวไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้แก่เวียดนามในการผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดแข็งไปยังอิสราเอลเท่านั้นหากยังสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดอื่นๆในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือและยุโรปใต้.