ในการนี้สมาชิกรัฐสภาได้ย้ำว่า ต้องมีมาตรการแก้ไขอย่างเข้มงวดเพื่อปฏิบัตินโยบายและกฏหมายเกี่ยวกับการควบคุมและใช้ที่ดินในฟาร์มเกษตรและพื้นที่ปลูกป่าภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ ทำการเวณคืนที่ดินที่ใช้ผิดเป้าหมายหรือขาดประสิทธิภาพ ลงโทษบุคคลและท้องถิ่นที่ใช้ที่ดินผิดเป้าหมาย สมาชิกรัฐสภาทุกคนยังยืนยันว่า ต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์นโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินให้แก่ประชาชนเพื่อให้พวกเขามีความเข้าใจมากขึ้น นอกจากนี้ ต้องปรับปรุงกลไกการบริหารและมอบหมายหน้าที่และสิทธิอำนาจให้แก่ท้องถิ่นในการควบคุมและใช้ที่ดิน พร้อมทั้งมีนโยบายเพื่อดึงดูดสถานประกอบการลงทุนในด้านเกษตรมากขึ้น นางเลถิเหงวียด สมาชิกรัฐสภาจังหวัดหวิงฟุ๊กแสดงความคิดเห็นว่า “ดิฉันคิดว่า ต้องพิจารณารูปแบบการผลิตให้เหมาะสมมากขึ้น พวกเรากำลังปฏิบัติการปรับที่นาและทุ่งนาขนาดใหญ่เพื่อนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องมีความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการกับฟาร์มเกษตรและพื้นที่ปลูกป่า รัฐบาลกำลังยื่นเสนอต่อรัฐสภาเกี่ยวกับนโยบายการยกเว้นภาษีให้แก่ที่ดินเกษตรและพื้นที่ปลูกป่า ดิฉันคิดว่า นี่เป็นเนื้อหาใหม่ที่ดีมาก”

ในการกล่าวปราศรัยสรุปการประชุม นาง เหงียนถิกิมเงิน รองประธานรัฐสภาได้เผยว่า ความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภามีความหลากหลายและตีความกระบวนการจัดตั้งและพัฒนาในระยะเปลี่ยนแปลงของฟาร์มเกษตรและพื้นที่ปลูกป่าของรัฐ ตลอดจนสถานการณ์การใช้ที่ดิน การบริหารที่ดินในฟาร์มเกษตรและพื้นที่ปลูกป่าของรัฐ นาง เหงียนถิกิมเงินได้ย้ำว่า “การตรวจสอบการปฏิบัตินโยบายกฎหมายเกี่ยวกับที่ดิน การบริหารที่ดินในฟาร์มเกษตรและพื้นที่ปลูกป่าของรัฐในตลอด 10 ปีที่ผ่านมาได้รับการปฏิบัติตามมติของรัฐสภาเกี่ยวกับโครงการตรวจสอบในปี 2015 การเลือกหัวข้อนี้เพื่อทำการตรวจสอบสูงสุดคือสิ่งที่จำเป็นและถูกต้อง จากผลการตรวจสอบ รัฐสภาเห็นพ้องกับการประกาศใช้มติที่รัฐสภามอบหมายให้รัฐบาลปฏิบัติแนวทาง นโยบายกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินที่สอดคล้องกับแต่ละฟาร์มเกษตรและพื้นที่ปลูกป่าอย่างมีประสิทธิภาพ ปี 2016 รัฐบาลต้องเสร็จสิ้นโครงการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงใหม่บริษัทการเกษตร ป่าไม้ในช่วงปี 2016-2020”

ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้า รัฐสภาได้ผ่านความเห็นชอบมติเกี่ยวกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมปี 2016 โดยในปี 2016 เวียดนามจะยังคงปรับปรุงเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมภาวะเงินเฟ้อ รักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พยายามบรรลุจีดีพีที่ร้อยละ 6.7 เพิ่มมูลค่าการส่งออกร้อยละ 10และดัชนีราคาผู้บริโภคหรือซีพีไออยู่ที่ร้อยละ 5 อัตราครอบครัวยากจนลดลงตั้งแต่ร้อยละ 1.3-1.5.