เปียงยางอนุมัติแผนการตอบโต้ทางทหารต่อสหรัฐ
วันที่๔เมษายน สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชน เกาหลีหรือเกาหลีเหนือได้ประกาศว่า อาจจะทำการตอบโต้ทางทหารอย่างรุนแรงต่อการกระทำที่ยั่วยุของสหรัฐในหลายวันที่ผ่านมา
วันที่๔เมษายน สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชน เกาหลีหรือเกาหลีเหนือได้ประกาศว่า อาจจะทำการตอบโต้ทางทหารอย่างรุนแรงต่อการกระทำที่ยั่วยุของสหรัฐในหลายวันที่ผ่านมา โดยสำนักข่าวกลางของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชน เกาหลีได้อ้างคำกล่าวของกองบัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพประชาชนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดได้อนุมัติการตัดสินใจดังกล่าว โดยระบุว่า ภัยคุกคามแห่งสงครามได้ปรากฏบนผืนดินนี้อยู่ตลอดเวลาแต่ขณะนี้คาบสมุทรเกาหลีตกอยู่ในภาวะสงครามมากกว่าเวลาใดทั้งหมด ประชาชนและกองทัพจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและป้องกันสงครามนิวเคลียร์ของสหรัฐ ในขณะเดียวกัน ในการกล่าวปราศรัย ณ กรุงวอชิงตัน นาย ชัค เฮเกล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ยืนยันว่า คำขู่และปฏิบัติการของเปียงยางในเวลาที่ผ่านมาเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงและชัดเจนต่อสหรัฐ ญี่ปุ่นและพันธมิตรสาธารณรัฐ เกาหลีหรือเกาหลีใต้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้เผยว่า จะติดตั้งระบบขีปนาวุธป้องกันเคลื่อนที่เพื่อปกป้องฐานทัพบนเกาะกวมในเขตแปซิฟิก ซึ่งอยู่ห่างจากเปียงยางไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ๓.๓๘๐กิโลเมตรและเป็นที่ประจำการอยู่ของทหารสหรัฐรวม๖พันนาย รวมทั้ง กองกำลังนาวิกโยธิน เรือดำน้ำและเครื่องบินทิ้งระเบิด ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่๓เมษายน สาธารณรัฐ เกาหลีได้เร่งรัดให้เปิดนิคมอุตสาหกรรมเกซองให้แก่กรรมกรของสาธารณรัฐ เกาหลี ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ กรุงโซล นาย คิมฮยองซอก โฆษกกระทรวงรวมชาติของสาธารณรัฐ เกาหลีได้เผยว่า การห้ามเข้าออกนิคมอุตสาหกรรม เกซอง ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวและทางการโซล รู้สึกเสียใจต่อการตัดสินใจดังกล่าวของเปียงยาง พร้อมทั้งเรียกร้องอีกครั้งให้เปียงยางยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทันที การประกาศดังกล่าวของรัฐบาลสาธารณรัฐ เกาหลีได้มีขึ้นหลังจากที่เปียงยางประกาศห้ามพลเมืองชาวสาธารณรัฐ เกาหลี เข้า-ออกจากนิคมอุตสาหกรรม เกซองเมื่อเช้าวันเดียวกันและจะอนุญาตให้แรงงานสาธารณรัฐ เกาหลี ออกจากนิคมอุตสาหกรรมกลับประเทศ./.