นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนซวนฟุ๊กพบปะหารือกับประธานาธิบดีเยอรมนี ฟรังก์ วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์

นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนซวนฟุ๊กได้ยืนยันถึงนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือ ถือเยอรมนีเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจและสำคัญในยุโรป พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่วนประธานาธิบดีเยอรมนีได้ยืนยันว่า เยอรมนีให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือกับเวียดนาม ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่นับวันมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเอเชีย – แปซิฟิก

นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนซวนฟุ๊กยังแสดงความประสงค์ว่า ทางการเยอรมนีจะส่งเสริมกลุ่มบริษัท รวมทั้งสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมของเยอรมนีเข้ามาลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะในด้านที่เป็นจุดแข็งของเยอรมนีและเวียดนามมีความต้องการ เช่น การแปรรูป การผลิต พลังงานสะอาดและอุตสาหกรรมด้านอาหาร เป็นต้น ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันว่า จะพัฒนามหาวิทยาลัยเวียดนาม – เยอรมนีให้เป็นสถาบันศึกษาระดับภูมิภาคที่ได้มาตรฐานระดับโลก ตอบสนองความต้องการพัฒนาของเวียดนามในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก ประธานาธิบดีเยอรมนีได้ยืนยันว่า เยอรมนีสนับสนุนการเดินเรืออย่างเสรีในทะเลตะวันออก สนับสนุนจุดยืนแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกด้วยสันติวิธีตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 และแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซี

นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กเจรจากับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี  แองเกลา แมร์เคิล (Photo VNplus)

ในค่ำวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้เดินทางไปยังเมือง Hamburg และได้เจรจากับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี  แองเกลา แมร์เคิล โดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องธำรงกลไกความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ เช่น กลุ่มชี้นำยุทธศาสตร์ระดับรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ การสนทนารัฐที่ปกป้องประเทศด้วยอำนาจกฎหมายและกลุ่มปฏิบัติงานในด้านเศรษฐกิจ – การลงทุน วิทยาศาสตร์ – เทคโนโลยี เพื่อปฏิบัติแผนการปฏิบัติยุทธศาสตร์เวียดนาม – เยอรมนี ขยายความเข้าใจและความไว้วางใจระหว่างกัน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับและสนับสนุนกันในองค์กรและเวทีพหุภาคีต่างๆ เยอรมนีให้คำมั่นที่จะสนับสนุนเวียดนามขยายความสัมพันธ์กับอียูและจะเร่งรัดเพื่อให้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียูได้รับการลงนามโดยเร็ว

นายกรัฐมนตรีเวียดนามยืนยันว่า เวียดนามจะอำนวยความสะดวกให้โครงการ บ้านเยอรมนีในนครโฮจิมินห์เปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2017 และพร้อมสนทนากับฝ่ายเยอรมนีเพื่อแก้ไขอุปสรรคให้แก่นักลงทุนเยอรมนีในการลงทุนและประกอบธุรกิจในเวียดนาม สำหรับความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันที่จะผลักดันการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในด้านที่เยอรมนีมีศักยภาพและเวียดนามมีความต้องการ สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงและกลาโหม นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันว่า จะสนับสนุนกันในด้านตุลาการ พร้อมทั้งพิจารณาการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวนักโทษเพื่อเป็นพื้นฐานทางนิตินัยให้แก่ความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ

ในบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนซวนฟุ๊กได้ให้การต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของเยอรมนีโดยทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันถึงความพยายามเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 1หมื่น 5พันถึง 2 หมื่นพันล้านยูโรในปี 2020.