ในการนี้ นาย เวืองดิ่งเหวะ ประธานสภาแห่งชาติเวียดนามเห็นว่า เวียดนามและบังกลาเทศควรส่งเสริมความร่วมมือ อำนวยความสะดวกให้แก่การแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน ผลักดันการเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการเพื่อธำรงห่วงโซ่อุปทาน ดึงดูดเงินลงทุนเพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง วัสดุก่อสร้าง การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาอีคอมเมิรซ์และเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล การท่องเที่ยวและการพยายามเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ ยืนยันว่า

“ สภาแห่งชาติและรัฐบาลเวียดนามได้พยายามปรับปรุงกลไกเศรษฐกิจและระบบกฎหมายอย่างพร้อมเพรียงและสนับสนุนสถานประกอบการ ถือความสำเร็จของชมรมสถานประกอบการเป็นความสำเร็จของตน นี่คือสิ่งที่พวกเราบอกกล่าวสถานประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งชมรมสถานประกอบการบังกลาเทศ ในด้านเศรษฐกิจการค้า เวียดนามถือบังกลาเทศเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญและกำลังเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับสองของเวียดนามในภูมิภาคเอเชียใต้ เป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับเครือบริษัทและสถานประกอบการใหญ่ของเวียดนามในอนาคต จากการที่มีสถานะทางภูมิศาสตร์ที่สะดวก บังกลาเทศถือเป็นประตูเพื่อให้สถานประกอบการเวียดนามเข้าถึงและขยายการประกอบธุรกิจในตลาดเอเชียใต้และตะวันออกกลาง ส่วนสถานประกอบการบังกลาเทศตระหนักถึงความสำคัญของเวียดนามเพื่อเข้าถึงตลาดอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับที่ 5 ของโลกและขยายไปยังหุ้นส่วนต่างๆที่เวียดนามลงนามข้อตกลงการค้าเสรี”

ในการนี้ ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบังทึกช่วยจำระหว่างสถานประกอบการทั้งสองประเทศ

ในบ่ายวันเดียวกัน ในการพบปะกับชมรมชาวเวียดนามในประเทศบังกลาเทศ ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ แสดงความประสงค์ว่า ชมรมชาวเวียดนามในบังกลาเทศจะมุ่งใจสู่ปิตุภูมิ มีส่วนร่วมเสริมสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานระหว่างสองประเทศ  พร้อมทั้งยืนยันว่า พรรคและรัฐให้ความสำคัญต่อชมรมชาวเวียดนามในต่างประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากประชาชาติเวียดนามได้.